เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 3 ปี 2566 โต 5.2% มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ และเป็นการเติบโตรายไตรมาสที่เร็วสุดในรอบเกือบ 2 ปี ยังไม่มีสัญญาณจะถดถอยอย่างที่มีความกังวลกันมาตลอดปี
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ เผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาส 3 ปี 2566 ครั้งที่ 2 โดยประมาณการว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โต 5.2% มากกว่าที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะโต 4.9% และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ตอบแบบสำรวจของรอยเตอร์ (Reuters) คาดว่าจะโต 5.0% และเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564
การเติบโตที่เร็วกว่าคาดเป็นผล เนื่องจากภาคธุรกิจสร้างคลังสินค้าและซื้ออุปกรณ์เครื่องจักรมากขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ สะท้อนให้เห็นถึงการอัพเกรดการลงทุนในโครงสร้างของภาคธุรกิจ ขณะที่ การใช้จ่ายของรัฐบาลกลางของรัฐบาลและท้องถิ่นก็ได้รับการแก้ไขให้สูงขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ การลงทุนด้านที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยการก่อสร้างบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยหยุดสถิติการหดตัวติดต่อกัน 9 ไตรมาสได้
แต่การเติบโตของการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็ชะลอลงเหลือเติบโต 3.6% จากที่ประมาณไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะโตได้ 4.0%
อย่างไรก็ตาม โมเมนตัมดูเหมือนจะลดลงนับตั้งแต่สิ้นสุดไตรมาส 3 เป็นต้นมา เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นทำให้ภาคธุรกิจจำกัดการจ้างงานและการใช้จ่าย
รอยเตอร์ รายงานอีกว่า อัตราการเติบโตของจีดีพีซึ่งเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี อาจเป็นการอวดโอ้เกินความจริง เมื่อวัดจากด้านรายได้ ซึ่งสะท้อนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงมีอยู่มาตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงตอนนี้
“ในรายงานเศรฐกิจในวันนี้ ไม่มีสัญญาณว่า ท้องฟ้าจะมืดหม่นลง แต่การเติบโตกำลังเย็นลง … เศรษฐกิจไม่มีแรงลมส่งมากนักในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้” คริสโตเฟอร์ รุปกีย์ (Christopher Rupkey) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทวิจัยตลาดการเงิน FwdBonds ในนิวยอร์ก กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลขเศรษฐกิจ หุ้นในวอลล์สตรีตมีการซื้อขายสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์หรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน (basket currency) ส่วนราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
ที่มา: รอยเตอร์