โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธปท. หรือ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี โดย 2 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี โดยรวมธปท.มองเศรษฐกิจไทยอ่อนแอเนื่องจากอุปสงค์โลก และปัญหาเรื่องโครงสร้าง ส่วนอัตราเงินเฟ้อต่ำส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐ แต่การบริโภคในประเทศยังขยายตัวได้ดี
ประเมินภาพเศรษฐกิจไทยขณะนี้
- มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากภาคการส่งออกและการผลิต เนื่องจากอุปสงค์โลกและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ มีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรอบเป้าหมายช้ากว่าที่ประเมินไว้
- คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลง ส่วนใหญ่เกิดจากแรงส่งจากภาคต่างประเทศและผลกระทบจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง แต่การบริโภคในประเทศยังขยายตัวได้ดี
ประมาณการเศรษฐกิจไทย
- เศรษฐกิจไทยในปลายปี 2023 ขยายตัวชะลอลงกว่าคาดจากการส่งออกสินค้าและการผลิตที่ฟื้นตัวช้าตามภาวะการค้าโลกและสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2024 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2.5-3% โดยการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ขณะที่ การส่งออกและการผลิตมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ปัญหาเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะด้านความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะเป็นอุปสรรคมากขึ้น หากไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
ประเมินภาพอัตราเงินเฟ้อ
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับลดลงกว่าที่ประเมินไว้จากปัจจัยด้านอุปทาน ทั้งราคาอาหารสดและราคาพลังงาน รวมทั้งการขยายมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำในปัจจุบันไม่ได้บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยราคาสินค้าไม่ได้ปรับลดลงเป็นวงกว้าง แต่สะท้อนปัจจัยเฉพาะในบางกลุ่มสินค้า และหากหักผลของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงเป็นบวก
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2024 มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียง 1% และค่อยทยอยปรับขึ้นในปี 2025
มองภาพตลาด
- กนง. เสียงแตกทำให้ตลาดมีความหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป ด้านปัจจัยทางการเมืองยังคงกดดันให้ธปท.ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง Link