สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเกือบ 3% ในวันพุธ (13 มี.ค.) สุงสุดในรอบ 4 เดือน หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินลดลงเกินคาด นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกอาจชะลอตัวลงหลังยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 79.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 84.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.ปีที่แล้ว
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในกลุ่มพลังงาน อยู่ที่ 2.9% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2566 หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า บริษัทน้ำมันเร่งระบายน้ำมันเบนซิน 5.7 ล้านบาร์เรล ออกจากสต็อกมากกว่าคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุน หลังยูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท Rosneft ในรัสเซียเป็นวันที่สองส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียกล่าวว่าเป็นความพยายามที่จะขัดขวางการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
ที่มา: รอยเตอร์