ทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากเห็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด เข้าใกล้การลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้กับการเพิ่มขึ้นของราคา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของจีน
ราคาทองคำแท่งพุ่งขึ้นสูงถึง 2,265.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันจันทร์ เพิ่มขึ้น 1.6% จากราคาปิดของวันพฤหัสบดี หลังจากทำจุดสูงสุดมาอย่างต่อเนื่องในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้
มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งเป็นดัชนีการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลหลักที่เฟดต้องการ ปรับตัวลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ จากข้อมูลที่สหรัฐฯ เผยเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดหลายแห่งทั่วโลกปิดทำการ โดยจะเป็นตัวเลขที่สนับสนุนความเป็นไปสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด แม้ว่าธนาคารกลางจะยังมีท่าทีที่ค่อนข้างระมัดระวังก็ตาม
ปัจจัยขับเคลื่อนเชิงบวกมากมายได้ผลักดันทองคำแท่งขึ้นประมาณ 14% นับตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ จากแนวโน้มการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางรายใหญ่ และความตึงเครียดที่สูงขึ้นในตะวันออกกลางและยูเครนเป็นปัจจัยหนุนการแรลลี่ในครั้งนี้ ซึ่งธนาคารกลางก็มีการซื้อทองคำที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ในขณะที่ ผู้บริโภคก็ซื้อทองคำแท่งเพิ่มขึ้น ท่ามกลางปัญหาที่กำลังดำเนินอยู่ในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย
หลังจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างสอดคล้องกับความคาดหวังของเฟด และไม่มีการเร่งรีบในการลดอัตราดอกเบี้ย โดยในปลายสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะมีมุมมองที่ชัดเจนมากขึ้นสำหรับการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายของธนาคารกลาง โดยคาดว่าจะจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 200,000 รายเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
วอร์เรน แพตเตอร์สัน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ ING Group NV กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อ โดยเฉพาะความคิดเห็นของพาวเวลล์ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น โดยตลาดเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน โดยการรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาดจะเป็นตัวเร่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในระยะสั้น
นอกจากนั้นแล้ว ความต้องการทองคำในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังการประกาศจากภาครัฐว่า ธนาคารกลางของจีนได้ซื้อทองคำแท่งจำนวนมากเพื่อลงในทุนสำรอง ซึ่งช่วยเพิ่มการถือครองในแต่ละช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้การซื้อทองคำยังได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนรุ่นใหม่อีกด้วย
แนวโน้มเชิงบวกของทองคำได้รับการสนับสนุนจากธนาคารชั้นนำหลายแห่ง เช่น เจพี มอร์แกน ที่ระบุเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่าทองคำเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาอาจสูงถึง 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีนี้ ส่วนโกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า บริษัทมองเห็นความเป็นไปได้ที่ราคาจะสูงถึง 2,300 ดอลลาร์ โดยเน้นถึงปัจจัยบวกจากสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาลง
ที่มา: บลูมเบิร์ก