Morgan Stanley เตือนเงินยูโรจะอ่อนค่าลงหนัก แตะระดับ 1.02 ดอลล์ ในเร็วๆ นี้

Morgan Stanley เตือนเงินยูโรจะอ่อนค่าลงหนัก แตะระดับ 1.02 ดอลล์ ในเร็วๆ นี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) เผยคาดการณ์ว่า สกุลเงินยูโรจะอ่อนค่าลงจนเทียบเท่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภายหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) เร่งใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยคาดการณ์ว่า สกุลเงินยูโรจะร่วงลงแตะระดับ 1.02 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถือเป็นการอ่อนค่าลงประมาณ 7% จากระดับปัจจุบัน

เดวิด อดัมส์ (David Adams) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G10 กล่าวว่า มุมมองดังกล่าวขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ของตลาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งถัดไป รวมถึงความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.50% โดยการคาดการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นมุมมองในแง่ลบมากที่สุดของบรรดานักวิเคราะห์สกุลเงินที่สำรวจโดยบลูมเบิร์ก เนื่องจากคาดการณ์ทั่วไปจากตลาดเงินมองว่า ค่าเงินยูโรอาจแข็งค่าที่ระดับ 1.11 ดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นสุดปี 2024 ท่ามกลางคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสบดีนี้

อดัมส์ ซึ่งเคยทำงานให้กับเฟด กล่าวว่า “ยังมีโอกาสอีกมากที่ตลาดจะกลับมาให้ความสนใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นและเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน ซึ่งการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ อาจเป็นตัวเร่งสำคัญให้ตลาดเริ่มพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ปัจจุบัน ตลาดการเงิน คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปลงประมาณ 0.60% ในปีนี้ เทียบกับคาดการณ์ที่ 1.10% ในสหรัฐฯ โดยนักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้และจากนั้นจะมีการปรับลดอีก 0.25% ในทุกไตรมาสจนถึงสิ้นปี 2025 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือ 2.25% ภายในสิ้นปีหน้า

พร้อมกันนี้ เดวิด อดัมส์ มองว่ามีโอกาสที่นักลงทุนจะปรับเพิ่มคาดการณ์เกี่ยวกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินความเสี่ยงของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ 0.50% โดยระบุว่า “หากข้อมูลเศรษฐกิจในยุโรปยังคงย่ำแย่ลงเนื่อง ตลาดจะต้องเริ่มคิดมากขึ้น ว่าไม่ใช่แค่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อไตรมาส แต่อาจจะเป็น 0.25% ต่อทุกการประชุมนโยบายทางการเงิน หรืออาจจะปรับลดดอกเบี้ยมากถึง 0.50% ด้วย ซึ่งคล้ายคลึงกับความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ”

ที่มา: บลูมเบิร์ก