กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีตอบโต้การอุดหนุนโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากบริษัทในเวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และไทย หวังสกัดการทุ่มตลาด ขณะที่ นักวิเคราะห์มองว่า อัตราภาษีที่จะเรียกเก็บนั้นต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นในวันอังคาร (1 ต.ค.) โดยเป็นการตัดสินใจเบื้องต้นครั้งแรก จาก 2 ครั้ง ที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะดำเนินการในปีนี้ หลังจากบริษัท ฮันฮวา คิวเซลส์ (Hanwha Qcells) ของเกาหลีใต้ ซึ่งมีโรงงานอยู่ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐฯ ร่วมด้วยบริษัทเฟิร์ส โซลาลาร์ (First Solar) ในรัฐแอริโซนา และบริษัทขนาดเล็กอื่นๆ อีกหลายแห่ง ได้ยื่นคำร้องขอให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สอบสวนการนำเข้าแผงโซลาร์จากประเทศข้างต้น
ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในสหรัฐฯ ซึ่งรวมกลุ่มกันในชื่อ American Alliance for Solar Manufacturing Trade Committee (AASMTC) กล่าวหาว่า บริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของจีน ซึ่งมีโรงงานอยู่ใน 4 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุ่มตลาดสหรัฐฯ ด้วยแผงโซลาร์เซลล์ราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต อีกทั้งโรงงานผลิตใน 4 ประเทศยังได้รับการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมจากจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแม่ จนทำให้สินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากประเทศเหล่านั้นได้
ทั้งนี้ ข้อมูลที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ทางหน่วยงานได้กำหนดอัตราภาษีตอบโต้การอุดหนุนทั่วไป (Subsidy Rate) ที่ 9.13% สำหรับแผงโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากมาเลเซีย 8.25% สำหรับสินค้านำเข้าจากกัมพูชา 23.06% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากไทย และ 2.85% จากเวียดนาม ขณะที่ ฟิลิป เฉิน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์จากรอธ แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า โดยรวมแล้วอัตราภาษีข้างต้นนั้นต่ำกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะอยู่ที่ราว 15%
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ภาษีบางส่วนที่จะเรียกเก็บจากบริษัทต่างๆ ในเวียดนามและไทยนั้น จะมีผลย้อนหลัง 90 วัน เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์พบว่า บางบริษัทเพิ่มการจัดส่งสินค้ามายังสหรัฐฯ ก่อนหน้าการปรับขึ้นภาษี
ที่มา: รอยเตอร์