ธนาคารรายใหญ่คาด “ราคาทองคำ” พุ่งทุบสถิติ ลากยาวถึงปี 2568 แรงหนุนกระแสไหลเข้าของ ETF และธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลกปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม Goldman Sachs แนะถือทองคำในระยะยาว
วันที่ 22 ตุลาคม 2567 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ธนาคารรายใหญ่คาดว่า ราคาทองคำ จะพุ่งขึ้นทำลายสถิติไปจนถึงปี 2568 เนื่องมาจากการฟื้นตัวของกระแสเงินไหลเข้าจำนวนมากสู่กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) และความคาดหวังว่าธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
Citi กล่าวว่า “คาดว่าราคาทองคำจะยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่ในช่วงท้ายของรอบปีอย่างชัดเจน โดยตลาดแรงงานคาดว่าจะถดถอยต่อไป… และธนาคารกลางหลายแห่งยังเข้าซื้อ นอกจากนี้ ราคาทองคำยังน่าจะได้รับประโยชน์ ในกรณีที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจากสถานการณ์ที่ตะวันออกกลางกำลังเผชิญวิกฤตในระยะใกล้”
Goldman Sachs กล่าวเมื่อวันที่ 30 กันยายนว่า “ยังคงแนะนำให้ถือทองคำในระยะยาว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยโลกที่ลดลง ความต้องการทองคำของธนาคารกลางที่สูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์ การเงิน และภาวะเศรษฐกิจถดถอยของทองคำ”
การซื้อของธนาคารกลางในตลาด OTC ของลอนดอนในปริมาณที่ลดลง แต่ยังคงมากพอสมควร อาจส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ใน 3 เป็น 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นปี 2568 นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs กล่าวว่า ในขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปของกระแสเงินทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอีก 1 ใน 3
ราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 652 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 31.6% ในปีนี้ ทำให้ทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบปีนับตั้งแต่ปี 2550 และถือเป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นในปี 2567 โดยทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,740.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันจันทร์ (21 ต.ค.67) และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในปีนี้
นักวิเคราะห์จาก JP Morgan กล่าวเมื่อวันที่ 23 กันยายนว่า “ความต้องการทองคำที่มีมากในจีนและธนาคารกลางช่วยพยุงราคาทองคำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่กระแสนักลงทุน และการสร้าง ETF ที่เน้นกลุ่มผู้ค้าปลีก โดยเฉพาะ ยังคงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระหว่างรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่กำลังจะมาถึง”
โดยเฟดเริ่มรอบการผ่อนคลายนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 18 กันยายน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% และคาดว่าจะมีการปรับลดอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ และจะมีการปรับลด 1% ในปีหน้า
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 5 พฤศจิกายน อาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอีก เนื่องจากความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดขึ้นได้อาจผลักดันให้ผู้ลงทุนหันไปลงทุนในทองคำที่ปลอดภัย
ที่มา: รอยเตอร์