ตลาดหุ้นโลกในเดือนกันยายนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นเดือน ตลาดเผชิญกับแรงกดดันหลังจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาชะลอตัวลงต่ำกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนยังคงมีความกังวลถึงโอกาสที่สหรัฐฯ จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเดือนตลาดกลับมาฟื้นตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา นับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
นอกจากนี้ FED ยังส่งสัญญานเชิงบวกว่า ไม่มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเมื่อประกอบกับตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็น ตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงและมีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาในช่วงต้นเดือนตุลาคมนั้นปรับตัวสูงขึ้น และดีกว่าตลาดคาดค่อนข้างมาก อีกทั้งด้วยการคาดการณ์ของตลาดว่า FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยลงอีก โดยอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก 50 bps ในการประชุมที่เหลือของปีนี้ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 ปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ส่งผลเชิงบวกให้กับตลาดทุน และสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์ต่อการลดดอกเบี้ยได้
แต่อย่างไรก็ตาม เรายังต้องจับตา เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มเข้ามาในระยะต่อจากนี้ เช่น ภาวะความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางที่อาจจะมีความรุนแรงมากขึ้น หรือการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ที่อาจจะส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวนได้ในระยะสั้น ต่อทิศทางของนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
ในฝั่งตลาดหุ้นไทยเดือนกันยายนปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่าตลาดโลก โดยมีหลากหลายปัจจัยที่เข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยไว้ อาทิ การเปิดขายกองทุนวายุภักษ์ในเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนนี้ไหลเข้าสุ่ตลาดหุ้นไทยสูงถึง 1.5 แสนล้านบาทในระยะต่อจากนี้ นอกจากนี้ เรายังเห็นถึงนโยบายที่ออกมาจากทางภาครัฐ อาทิ การแจกเงินสดให้กับกลุ่มคนที่เปราะบาง 14.5 ล้านราย เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกทาง ทำให้ส่งผลเชิงบวกให้กับหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และในระยะต่อจากนี้ เราคาดว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ จากทางภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น มาตรการการส่งเสริมการท่องเที่ยว การปรับโครงสร้างหนี้ โครงการช๊อปดีมีคืน และการแจกเงินผ่าน Digital wallet ในระยะถัดไป จากภาพดังกล่าวเป็นตัวหนุนให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยดูมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และเรามองว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะทยอยการปรับประมาณการของกำไรในบริษัทจดทะเบียนได้ในระยะต่อจากนี้
Fund Comment
Fund Comment กันยายน 2024: ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกในเดือนกันยายนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมา โดยในช่วงต้นเดือน ตลาดเผชิญกับแรงกดดันหลังจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ออกมาชะลอตัวลงต่ำกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนยังคงมีความกังวลถึงโอกาสที่สหรัฐฯ จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของเดือนตลาดกลับมาฟื้นตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา นับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
นอกจากนี้ FED ยังส่งสัญญานเชิงบวกว่า ไม่มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเมื่อประกอบกับตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็น ตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงและมีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาในช่วงต้นเดือนตุลาคมนั้นปรับตัวสูงขึ้น และดีกว่าตลาดคาดค่อนข้างมาก อีกทั้งด้วยการคาดการณ์ของตลาดว่า FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยลงอีก โดยอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก 50 bps ในการประชุมที่เหลือของปีนี้ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 ปรับตัวขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ส่งผลเชิงบวกให้กับตลาดทุน และสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์ต่อการลดดอกเบี้ยได้
แต่อย่างไรก็ตาม เรายังต้องจับตา เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มเข้ามาในระยะต่อจากนี้ เช่น ภาวะความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางที่อาจจะมีความรุนแรงมากขึ้น หรือการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ที่อาจจะส่งผลให้ตลาดเกิดความผันผวนได้ในระยะสั้น ต่อทิศทางของนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่
ในฝั่งตลาดหุ้นไทยเดือนกันยายนปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่าตลาดโลก โดยมีหลากหลายปัจจัยที่เข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยไว้ อาทิ การเปิดขายกองทุนวายุภักษ์ในเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนนี้ไหลเข้าสุ่ตลาดหุ้นไทยสูงถึง 1.5 แสนล้านบาทในระยะต่อจากนี้ นอกจากนี้ เรายังเห็นถึงนโยบายที่ออกมาจากทางภาครัฐ อาทิ การแจกเงินสดให้กับกลุ่มคนที่เปราะบาง 14.5 ล้านราย เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกทาง ทำให้ส่งผลเชิงบวกให้กับหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และในระยะต่อจากนี้ เราคาดว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ จากทางภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น มาตรการการส่งเสริมการท่องเที่ยว การปรับโครงสร้างหนี้ โครงการช๊อปดีมีคืน และการแจกเงินผ่าน Digital wallet ในระยะถัดไป จากภาพดังกล่าวเป็นตัวหนุนให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยดูมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และเรามองว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะทยอยการปรับประมาณการของกำไรในบริษัทจดทะเบียนได้ในระยะต่อจากนี้