สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ‘เบน เบอร์นันกี’ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด เตือนว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเผชิญความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงในอีก 2 ปีหลังจากนี้ หลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯเริ่มหมดไป
ขณะเดียวกันนายเบอร์นันกีกล่าวว่านโยบายทางด้านภาษีของ ทรัมป์ ทั้งการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งทำให้รายได้ของรัฐบาลกลางหายไปราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ รวมไปถึงการตั้งงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลกลางที่ 3 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของเฟดมีอุปสรรคมากขึ้น เนื่องจากอัตราการว่างงานในขณะนี้อยู่ในระดับที่ต่ำอยู่แล้ว
‘สิ่งที่เรากำลังเผชิญคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ผิดจังหวะอย่างมาก เนื่องจากในขณะนี้เศรษฐกิจอยู่ในภาวะการจ้างงานเต็มอัตราแล้ว’ นายเบอร์นันกีกล่าว
ทั้งนี้ นายเบอร์นันกีกล่าวว่า นโยบายการคลังจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างมากในปีนี้และปีหน้า แต่ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป มาตรการเหล่านั้นจะไม่ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจได้มากนัก