ธปท.จัด Monetary Policy Forum ส่งสัญญาณ Robust Flexible แต่ยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย

ธปท.จัด Monetary Policy Forum ส่งสัญญาณ Robust Flexible แต่ยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย

โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist ละทีม Economic Research, BBLAM

ธปท.จัด Monetary Policy Forum ส่งสัญญาณ Robust Flexible แต่ยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดงาน Monetary Policy Forum ครั้งที่ 4/2024 โดยมี นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน นายสักกะภพ พันธ์ยานะกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน และ ผู้บริหาร ธปท. เข้าร่วมสื่อสารให้แก่นักวิเคราะห์และสื่อมวลชน (Link)

ภาพเศรษฐกิจไทยและการฟื้นตัว นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Monetary Policy Forum 4/67 ว่า เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวได้ในระดับปานกลางตามศักยภาพ แต่มีความไม่เท่าเทียมกันในบางภาคส่วน และความไม่แน่นอนมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 แม้ว่าภาคบริการยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ แต่ภาคการผลิต เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงและปัญหาเชิงโครงสร้าง

คาดการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยขับเคลื่อน เศรษฐกิจในไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3% เพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในไตรมาสก่อน และคาดว่าไตรมาส 4 จะเติบโตเกิน 3% ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองเดิมของ ธปท. ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการใช้จ่ายภาครัฐ การส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น และการท่องเที่ยว แม้ว่าการบริโภคจะเริ่มชะลอตัวหลังจากเร่งตัวในช่วงก่อนหน้า

ทิศทางนโยบายการเงิน: ปัจจัยสำคัญ 3 ด้าน ธปท. พิจารณาการดำเนินนโยบายการเงินโดยยึด 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:

  1. การเติบโตเศรษฐกิจ: ยังคงสอดคล้องกับศักยภาพ
  2. อัตราเงินเฟ้อ: อยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3% โดยคาดการณ์ปี 2025 อยู่ที่ 1.1%
  3. เสถียรภาพการเงิน: การลดหนี้ (Debt Deleveraging) ดำเนินต่อเนื่อง แต่ยังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของสินเชื่อ

นายสักกะภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายการเงินต้องยืดหยุ่น พร้อมรองรับทุกสถานการณ์ การคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงนี้อาจสูญเสียขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (Policy Space) และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพียงจำกัด เนื่องจากธุรกิจยังลังเลที่จะลงทุน หรือจ้างงาน เพราะต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ที่สูง และในภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ประสิทธิผลของนโยบายการเงินอาจลดลง

สถานการณ์ปัจจุบัน: เศรษฐกิจ K-Shape และความเสี่ยงจากนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบ K-Shape โดยภาคบริการยังเติบโตได้ดี แต่ภาคการผลิต เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน กลับถดถอย ความเสี่ยงเพิ่มเติมมาจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไทยใน 3 ช่องทาง ได้แก่:

  1. การแข่งขันจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาไทย หากทรัมป์ใช้มาตรการกีดกันการค้า
  2. การย้ายฐานการผลิตมายังไทยและอาเซียน
  3. การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจส่งผลต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย

ทิศทางค่าเงินบาทและความผันผวน ค่าเงินบาทในปี 2025 มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินในประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ และยุโรป โดยปัจจัยภายนอกยังคงมีอิทธิพลสำคัญ

ความคิดเห็นของนายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.1% และค่าเฉลี่ยระยะกลาง 5 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 1.7-1.8% ซึ่งยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมาย หากเงินเฟ้อไม่ผันผวนอย่างรุนแรง ธปท. จะยังไม่กังวล แต่จะติดตาม Dynamic ของเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในกรณีที่มี Price Shock และกระจายไปยัง Supply Chain เพิ่มเติมจาก เงินเฟ้อระยะปานกลาง

ภาวะการเงินโดยรวมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางมี 3 เรื่อง

  1. ความต้องการสินเชื่อลดลง: รายได้ที่ดีขึ้นในบางภาคส่วน เช่น การท่องเที่ยวและขนส่ง
  2. ความเสี่ยงด้านเครดิตสูงขึ้น: จากการฟื้นตัวแบบ K-Shape
  3. การชำระหนี้: ลูกหนี้ทยอยชำระหนี้ที่ค้างไว้ช่วง Covid-19

ปิติ ดิษยทัต: อุตสาหกรรมยานยนต์และสินเชื่อเช่าซื้อ นายปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. ระบุว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเผชิญปัญหา เช่น การปิดโรงงานในยุโรป ซึ่งส่งผลกระทบต่อแรงงานในไทยกว่า 1 ล้านคน แม้ว่ายอดขายรถมือสองและราคารถเริ่มทรงตัว แต่การฟื้นตัวยังต้องใช้เวลา ในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อปี 2024 หดตัว -7.7% แต่ในปี 2025 คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหากอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว

Data Dependent และการปรับนโยบาย นายปิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธปท. จะพิจารณาการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินโดยใช้ Data Dependent และ Outlook Dependent เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบสนองที่เกิดจาก Noise ของข้อมูลระยะสั้น โดยจะประเมินแนวโน้มในระยะข้างหน้าอย่างรอบคอบ

ปราณี สุทธศรี: ความเสี่ยงและโอกาสเศรษฐกิจไทย นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2025 คาดว่าจะเติบโต 2.9% โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เงินโอน 10,000 บาท และ “Easy E-Receipt” รวมถึงการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 39.5 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังเผชิญความเสี่ยงจากภาวะสินเชื่อตึงตัวที่อาจกระทบการเติบโตในภาพรวม

ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ “โดนัลด์ ทรัมป์” อาจส่งผลกระทบต่อไทยในหลายด้าน เช่น การแข่งขันสินค้าไทยที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามา หากทรัมป์ดำเนินมาตรการกีดกันการค้าที่เข้มงวดขึ้น ไทยซึ่งนำเข้าสินค้าจีนในปริมาณสูงกว่าประเทศอื่น อาจได้รับผลกระทบโดยตรง แม้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะยังขยายตัวได้ แต่หลายภาคส่วนกลับชะลอตัวหรือประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากสินค้านำเข้าจากจีนอาจกดดันการบริโภคในประเทศ

หากมาตรการกีดกันการค้ารุนแรงขึ้น อาจกระทบทั้งการส่งออกและภาคการผลิตในไทย นอกจากนี้ การเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจไทยและจีนยังเป็นอีกปัจจัยเสี่ยง หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะส่งผลต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยในอนาคต ทั้งนี้ ธปท. จะต้องจับตาความเสี่ยงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับมาตรการเชิงนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อนึ่ง อัตราเงินเฟ้อไทยล่าสุดเดือนธ.ค.อยู่ที่ 1.23% YoY จากเดือนก่อนที่ 0.95% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 1.4%  ทั้งปี 2024  อยู่ที่ 0.4% กระทรวงพาณิชย์คาดปี 2025 อยู่ที่ 0.8% หากพิจารณาเป็นรายเดือนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปปรับตัวลดลง -0.18% MoM (vs. prev. -0.13%)

ประมาณการเศรษฐกิจ

รายการ           
(% ยกเว้นระบุเป็นอย่างอื่น)
2023 2024
(as of ธ.ค.)
2024
(as of ต.ค.)
2025
(as of ธ.ค.)
2025
(as of ต.ค.)
อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ1.92.72.72.92.9
อุปสงค์ในประเทศ3.52.82.42.42.7
การบริโภคภาคเอกชน7.14.54.22.42.5
การลงทุนภาคเอกชน3.2-2.2-2.82.22.9
การอุปโภคภาครัฐ-4.62.121.52.6
การลงทุนภาครัฐ-4.62.91.15.14.5
ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการ2.17.14.83.52.8
ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการ-2.36.34.41.81.4
ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)7.49101516
มูลค่าการส่งออกสินค้า (%YoY)-1.54.92.82.72
มูลค่าการนำเข้าสินค้า (%YoY)-3.86.45.11.70.4
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ (ล้านคน)28.2363639.539.5
ราคาน้ำมันดูไบ (ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล)8280807780
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป1.20.40.51.11.2
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน1.30.60.510.9

ที่มา: ธปท.