สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันศ.ที่ 10 มกราคม 2568

สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันศ.ที่ 10 มกราคม 2568

*** องค์การสหประชาชาติ เปิดเผยรายงานการคาดการณ์ล่าสุดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลก จะยังคงอยู่ที่ระดับ 2.8% ในปี 2025 ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปี 2024 โดยถูกฉุดรั้งจาก 2 ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอย่างสหรัฐฯ และจีน โดยรายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Situation and Prospects) ระบุว่า “การคาดการณ์การเติบโตในเชิงบวก แต่การเติบโตของสหรัฐฯ และจีน จะชะลอตัวลงเล็กน้อย” แต่จะถูกหนุนด้วยการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร รวมถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่บางประเทศ โดยเฉพาะอินเดียและอินโดนีเซีย

*** Jeff Schmid ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแคนซัสซิตี้ แสดงความลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ในขณะที่ เฟดเข้าสู่ปีใหม่ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายที่ 2% โดยระบุว่า “ปัจจุบันเราใกล้จะบรรลุภารกิจหลัก 2 ประการ คือ การรักษาเสถียรภาพราคาและการจ้างงานเต็มที่” และ “ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ใกล้เป้าหมายและการเติบโตที่ยังคงมีแรงหนุน ซึ่งตนเชื่อว่า เราใกล้ถึงจุดที่เศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องถูกจำกัด หรือมีมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม และนโยบายทางการเงินควรอยู่ในระดับที่เป็นกลาง

*** โบอิ้ง เตรียมบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งของสหรัฐฯ เช่น เจเนอรัล มอเตอร์ส ฟอร์ด ไมโครซอฟต์ และเมตา ที่ต่างบริจาคเงินให้กับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้

ก่อนหน้านี้ โบอิ้ง เคยบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับงานพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี 3 ครั้งล่าสุด รวมถึงการเข้ารับตำแน่งครั้งแรกของทรัมป์ในปี 2017

*** ความผันผวนในตลาดการเงินของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเทขายพันธบัตรทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังตลาดเงินตราและหุ้นในสัปดาห์นี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นระยะยาวของอังกฤษ พุ่งสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลให้การคลังของรัฐบาลอยู่ภายใต้แรงกดดัน

ด้านกระทรวงการคลังอังกฤษระบุว่า จะยังคง “ใช้นโยบายอย่างเข้มงวด” ต่อการคลังสาธารณะ ขณะที่ Darren Jones รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแถลงต่อรัฐสภาว่า ตลาดพันธบัตรของสหราชอาณาจักร “ยังคงดำเนินงานอย่างเป็นระเบียบ”

*** ไฟป่าที่ลุกไหม้รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียจากการประกันภัย คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าอาคารบ้านเรือนหลายหลังอาจไม่ได้รับการประกันภัยก็ตาม โดยนักวิเคราะห์จาก Morningstar DBRS ระบุว่า ไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ใน Pacific Palisades, Eaton, Hurst และย่านอื่นๆ ในลอสแองเจลิส อาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียจากการประกันภัยมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าไฟป่า Woolsey ที่แคลิฟอร์เนียเมื่อปี 2018 ซึ่งสร้างความเสียหายมากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

*** ธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America) มีแนวโน้มที่จะเพิ่มงบประมาณสำหรับโบนัสที่จ่ายให้กับวาณิชธนากรขึ้นอีก 10% สำหรับปีที่ผ่านมา แม้จะมีการเพิ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 10% แต่บางคนอาจได้รับโบนัสที่ต่ำกว่านั้น โดยอยู่ในช่วระหว่าง 5 – 9% ขณะที่ผู้ที่มีผลงานยอดเยี่ยมจะได้รับโบนัสมากกว่า 10%  โดยจะมีการจ่ายโบนัสในเดือนก.พ.นี้ หลังธนาคารรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ในวันที่ 16 ม.ค.

*** Macy’s ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เปิดเผยว่า เตรียมปิดสาขาทั้งหมด 66 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว โดยบริษัทระบุว่าจะลงทุนในสาขา Macy’s ที่ยังเปิดดำเนินการต่อไป ทั้ง 350 แห่งทั่วประเทศ จนถึงปีงบประมาณ 2026 ซึ่งการปิดสาขาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทประกาศเมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่าจะปิดร้านค้าที่ไม่ทำกำไร 150 แห่ง ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทพยายามพลิกฟื้นผลประกอบการที่ซบเซาในปี 2024

*** Gina Raimondo รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง มีแผนจะสรุปกฎเกณฑ์ในสัปดาห์หน้า เพื่อปราบปรามซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของรถยนต์จีน โดยเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอให้ห้ามใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำคัญของจีนในรถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนท้องถนนในสหรัฐฯ เนื่องด้วยความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ โดยการดำเนินการดังกล่าว จะมีผลทำให้รถยนต์และรถบรรทุกของผู้ผลิตสัญชาติจีน ถูกห้ามไม่ให้จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลก จะต้องถอดซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำคัญของจีนออกจากรถยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ในปีต่อ ๆ ไป

ที่มา: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย