สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 22 มกราคม 2568

สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 22 มกราคม 2568

** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) และกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังหารือเรื่องการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% ในวันที่ 1 ก.พ. จากประเด็นการลักลอบส่งสารเฟนทานิลซึ่งถูกใช้เป็นสารเสพติดจากจีนไปยังเม็กซิโกและแคนาดา โดยทรัมป์กล่าวว่า เขาได้จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนไปแล้วเป็นจำนวนมากในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรก พร้อมกล่าวว่า สหภาพยุโรปและประเทศอื่นๆ ยังมีความไม่สมดุลทางการค้าที่น่าวิตกกังวลกับสหรัฐฯ อีกด้วย

*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชะลอการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเหนือตามความคาดหมายในวันแรกที่กลับเข้าทำเนียบขาว และไม่ได้ระบุว่า จีนเป็นภัยคุกคาม ซึ่งเปิดโอกาสให้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ ในขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมองหาผลประโยชน์จากกันและกัน แทนที่จะสร้างความเสียหายให้แก่กัน ซึ่งในการกล่าวสุนทรพจน์หลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ งดเว้นการกล่าวถึงจีน ซึ่งเคยเป็นคู่ปรับในสงครามการค้าครั้งก่อน แม้ว่าทรัมป์จะกล่าวว่าการเก็บภาษีนำเข้าจะทำให้สหรัฐฯ “รวยมหาศาล” ซึ่งเปิดช่องให้มีการเจรจาใหม่กับประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก

*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาอาจจะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ปฏิเสธที่จะเจรจาเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน โดยทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการคว่ำบาตรเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างหนักมาแล้วในข้อหารุกรานยูเครน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่า รัฐบาลของตนเองกำลังพิจารณาประเด็นการส่งอาวุธไปยังยูเครนด้วย โดยเสริมว่าสหภาพยุโรปควรดำเนินการให้มากขึ้นเพื่อสนับสนุนยูเครน

*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า ภาคเอกชนจะลงทุนสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมีเป้าหมายที่จะเร่งแซงประเทศคู่แข่งในด้านเทคโนโลยีที่สำคัญต่อธุรกิจ โดยทรัมป์กล่าวว่า OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT, SoftBank และ Oracle กำลังวางแผนร่วมทุนในชื่อ Stargate ซึ่งจะสร้างศูนย์ข้อมูลและช่วยสร้างงานมากกว่า 100,000 ตำแหน่งในสหรัฐฯ

*** คำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้สิทธิ์คืนการเข้าถึง TikTok ได้สร้างประเด็นคำถามทางกฎหมายใหม่ ๆ มากมายสำหรับแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น รวมถึงความตึงเครียดใหม่ระหว่างทำเนียบขาว สมาชิกรัฐสภาที่ต้องการแบนแพลตฟอร์มนี้ และบริษัทเทคโนโลยีที่ตกอยู่ในช่วงเวลาที่มืดมน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่า แม้จะมีคำสั่งของทรัมป์ ผู้ให้บริการและผู้จัดจำหน่ายแอป เช่น Google และ Apple ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนครั้งใหญ่และอาจต้องรับผิดชอบทางการเงินมหาศาล หากฝ่าฝืนกฎหมายที่สั่งห้าม TikTok ในสหรัฐฯ เว้นแต่บริษัทแม่ในจีนอย่าง ByteDance จะขายกิจการภายในวันที่ 19 ม.ค.

ระธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวเขาเปิดกว้างให้อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและเป็นซีอีโอของ Tesla เข้าซื้อแอปอย่าง TikTok หากมัสก์มีความต้องการ โดยแอปวิดีโอสั้นรายนี้ มีชาวอเมริกันใช้งานมากถึง 170 ล้านคน ซึ่งถูกปิดให้บริการชั่วคราว โดยกฎหมายระบุว่า ByteDance บริษัทเจ้าของสัญชาติจีนจะต้องขายแอปออกไป ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ มิฉะนั้นจะถูกแบน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์ระบุว่า “ผมจะทำเช่นนั้น ถ้าเขาต้องการซื้อมัน”

*** Mr. Beast ผู้สร้างเนื้อหาหรือคอนเทนต์ ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดและมีรายได้สูงสุดบนอินเทอร์เน็ต เข้าร่วมการเสนอราคาใหม่เพื่อซื้อกิจการ TikTok โดย Mr. Beast ซึ่งมีชื่อจริงว่า Jimmy Donaldson เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักลงทุนชาวอเมริกัน ที่รวบรวมโดยผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี Jesse Tinsley ซึ่งกำลังแข่งขันเพื่อซื้อธุรกิจของ TikTok ในสหรัฐฯ ก่อนที่จะถูกแบนใช้งาน โดย Tinsley ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Employer.com ได้ยื่นข้อเสนอซื้อด้วยเงินสดทั้งหมดร่วมกับ Jimmy Donaldson และ “นักลงทุนสถาบันและบุคคลที่มีทรัพย์สินมหาศาล”

*** Netflix ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งอีกครั้ง หลังบริษัทรายงานว่ามีสมาชิกเพิ่มขึ้น 18.9 ล้านรายในไตรมาส 4 ทำให้ฐานสมาชิกทั่วโลกรวมอยู่ที่เกือบ 302 ล้านราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าว มากกว่าคู่แข่งสตรีมมิ่งรายอื่น ๆ โดยเป็นผลมาจากการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาและซีรีส์ชื่อดังอย่าง Squid Game โดยปัจจุบัน Netflix ได้ผสมผสานระหว่างการถ่ายทอดกีฬาสดและซีรีส์ยอดนิยม และ ซึ่งช่วยดึงดูดสมาชิกรายใหม่ได้มากเป็นประวัติการณ์

ที่มา: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย