Apple เผยว่า บริษัทมีแผนจ้างพนักงานใหม่ 20,000 คน และจะตั้งโรงงานด้านเซิร์ฟเวอร์ AI ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ศูนย์ฝึกอบรมซัพพลายเออร์ในรัฐมิชิแกน รวมถึงเพิ่มการใช้จ่ายกับซัพพลายเออร์รายเดิมในประเทศ โดยมีแผนทุ่มงบลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในสหรัฐฯ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า เพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
งบลงทุนดังกล่าว รวมถึงแผนการจ้างงานเพิ่มเป็นการประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของ Apple ในสหรัฐฯ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทว่าจ้างพนักงานด้านงานวิจัยและพัฒนา รวม 20,000 คน และเคยระบุเมื่อปี 2021 ว่า จะลงทุน 430,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เท่ากับว่า การลงทุนรอบใหม่เพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้นจากแผนเดิม 39,000 ล้านดอลลาร์ และสร้างงานเพิ่มอีก 1,000 ตำแหน่งต่อปี
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวเปิดเผยออกมาไม่กี่วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple พบกันที่ห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว
“เขา (ทิม คุก) จะลงทุนหลายแสนล้านดอลลาร์” ทรัมป์กล่าว หลังการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกเป็นนัยว่า Apple จะลงทุนในประเทศ เพราะไม่ต้องการจ่ายภาษี ทรัมป์ยังขู่ว่า จะเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นฐานการผลิต iPhone ส่วนใหญ่ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple
ทรัมป์ โพสต์บน Truth Social ว่า Apple ลงทุนเพราะศรัทธาในสิ่งที่เราทำ อย่างไรก็ดี Apple ไม่ได้บอกว่า การลงทุนรอบใหม่นี้เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งหรือไม่
ทิม คุก ระบุในแถลงการณ์ว่า “เรามีความเชื่อมั่นในอนาคตด้านนวัตกรรมของอเมริกา และภูมิใจที่ได้ต่อยอดลงทุนในอเมริกา อีก 500,000 ล้านดอลลาร์เพื่ออนาคตของประเทศ เราจะยังคงทำงานร่วมกับผู้คนและบริษัทต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับนวัตกรรมของสหรัฐฯ”
ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทิม คุก สามารถโน้มน้าวทรัมป์ไม่ให้ขึ้นภาษีนำเข้า iPhone ได้สำเร็จ โดยให้เหตุผลว่า การขึ้นภาษีจะเป็นผลดีต่อคู่แข่งอย่าง Samsung Electronics ในเกาหลีใต้ โดย Apple ยังได้ประกาศการลงทุนหลายครั้งในช่วงรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก และให้เครดิตทรัมป์ว่า มีส่วนสนับสนุนการผลิต Mac Pro ในรัฐเท็กซัส แม้ว่า Apple จะเริ่มผลิต Mac ในโรงงานที่นั่นมาตั้งแต่ปี 2013 แล้วก็ตาม
ในทางกลับกัน Apple สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงได้ และเลี่ยงการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรอบนี้ Apple ยังคงใช้กลยุทธ์แบบเดียวกัน ด้วยการประกาศการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ตามความต้องการของทรัมป์ ซึ่งทรัมป์เองยังใช้แนวทางเดิมเหมือนในสมัยแรก เพื่อกดดันให้บริษัทของสหรัฐฯ กลับมาผลิตสินค้าในประเทศ เพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้า
ที่มา: บลูมเบิร์ก