สหภาพยุโรป (EU) มีแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่าราว 100,000 ล้านยูโร (113,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หากการเจรจาการค้าไม่สามารถบรรลุผลที่น่าพอใจสำหรับกลุ่ม EU โดยมาตรการตอบโต้ดังกล่าวคาดว่า จะแจ้งให้ประเทศสมาชิกทราบโดยเร็วที่สุดในวันพุธนี้ (7 พ.ค.) และจะหารือกันเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนสรุปรายการสินค้าดังกล่าว
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของ EU ที่รับผิดชอบด้านการค้า คาดว่าจะเสนอเอกสารเบื้องต้นต่อสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อเร่งรัดการเจรจา โดยข้อเสนอจากฝั่งยุโรปจะรวมถึงการลดอุปสรรคทางการค้าและอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี พร้อมเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ แม้ว่าการเจรจาระหว่าง EU กับสหรัฐฯ จะเริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่อเดือนก่อน แต่ความคืบหน้ายังมีเพียงเล็กน้อย และคาดว่าภาษีส่วนใหญ่ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ จะยังคงอยู่ โดย EU ระบุเมื่อว่า การสอบสวนทางการค้าครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ จะทำให้สินค้าของ EU ที่ถูกเก็บภาษีพุ่งขึ้นเป็นมูลค่ารวม 549,000 ล้านยูโร

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังได้เก็บภาษี 25% กับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์บางประเภท และเริ่มการสอบสวนที่อาจนำไปสู่การเก็บภาษีกับไม้แปรรูป ยา เซมิคอนดักเตอร์ แร่หายาก และรถบรรทุก
รายการสินค้าในมาตรการตอบโต้รอบใหม่ของ EU เป็นการเพิ่มเติมจากมาตรการตอบโต้ มูลค่า 21,000 ล้านยูโร ที่พุ่งเป้าเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ ไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อตอบโต้การที่ทรัมป์เก็บภาษี 25% กับการส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมจากยุโรป โดย EU ได้ตกลงเมื่อต้นเดือนนี้ว่า จะเลื่อนการใช้มาตรการเหล่านั้นออกไป 90 วัน หลังจากที่สหรัฐฯ ลดภาษีตอบโต้จาก 20% เหลือ 10% ในช่วงเจรจา
มารอส เซฟโชวิช หัวหน้าคณะกรรมาธิการการค้าของ EU กล่าวกับสมาชิกรัฐสภายุโรปว่า “ภาษีนำเข้าเหล่านี้ไม่มีความชอบธรรม และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้ง 2 ฝ่าย” พร้อมเสริมว่า “สถานการณ์นี้ไม่อาจยอมรับได้ และเราไม่อาจนิ่งเฉย” โดยคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า EU พร้อมใช้ทุกทางเลือกเพื่อตอบโต้การเก็บภาษีของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเก็บภาษีภาคบริการและการจำกัดการส่งออกสินค้าบางประเภท
ก่อนหน้านี้ EU เคยเสนอจะยกเลิกภาษีทั้งหมดสำหรับสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงรถยนต์ เพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนหลักของทรัมป์ ที่กล่าวหาว่าฝั่งยุโรปมีอุปสรรคทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม แต่สหรัฐฯ ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว นอกจากนี้ EU ยังเสนอจะซื้อสินค้าสหรัฐฯ มากขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และถั่วเหลือง ซึ่งเคยช่วยลดความตึงเครียดระหว่าง 2 ฝ่ายในสมัยแรกของรัฐบาลทรัมป์
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน สหรัฐฯ มีภาษีครอบคลุมสินค้าจาก EU มูลค่า 380,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 70% ของการส่งออก EU ไปยังสหรัฐฯ โดยคิดอัตราภาษีตั้งแต่ 10% ถึง 25% โดยฝั่งยุโรประบุว่าจะไม่ตอบโต้แบบ “ตาต่อตา” แต่จะพยายามสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่กระทบห่วงโซ่อุปทานของยุโรปมากเกินไป
ในปี 2024 EU ส่งออกสินค้าสู่สหรัฐฯ มูลค่า 531,600 ล้านยูโร และนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 333,400 ล้านยูโร ทำให้มีดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ 198,200 ล้านยูโร
ที่มา Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย