ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ตกลงขยายกำหนดเส้นตายการเก็บภาษี 50% ต่อสหภาพยุโรป หรืออียู ออกไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. หลังก่อนหน้านี้ ขู่ว่าจะเก็บภาษีในอัตราดังกล่าวจากสหภาพยุโรป ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
ประธานาธิบดี ทรัมป์ เขียนบน Truth Social ว่า “วันนี้ ผมได้รับโทรศัพท์จาก เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งขอให้ขยายกำหนดเส้นตายวันที่ 1 มิ.ย. สำหรับภาษี 50% ที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยผมตกลงที่จะขยายเวลา ออกไปจนถึงวันที่ 9 ก.ค. 2025 ซึ่งถือเป็นเกียรติของผมที่ได้ทำเช่นนั้น”
โพสต์ของทรัมป์ มีขึ้น หลังจากที่ฟอน เดอร์ ไลเอน กล่าวว่า เธอมี “การพูดคุยที่ดี” กับทรัมป์ แต่ต้องการเวลาจนถึงวันที่ 9 ก.ค. เพื่อ “บรรลุข้อตกลงที่ดี” โดยระบุว่า “สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่สำคัญและใกล้ชิดที่สุดในโลก อียูพร้อมที่จะเดินหน้าเจรจาอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้กำหนดภาษี 20% ต่อสหภาพยุโรปตามนโยบาย “ภาษีแบบต่างตอบแทน” ก่อนจะลดเหลือ 10% ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์เสนอจะใช้ภาษีแบบ “ตรง ๆ 50%” ต่อสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีผลเริ่มวันที่ 1 มิ.ย. โดยกล่าวว่า กลุ่มประเทศสมาชิก 27 ชาตินี้ “จัดการได้ยากมาก” พร้อมเสริมว่า “การเจรจากับพวกเขาไปไม่ถึงไหน! ผมแค่บอกว่า ถึงเวลาที่เราต้องเล่นเกมในแบบที่ผมรู้ว่าจะเล่นยังไง”
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอขึ้นภาษี 25% ต่อผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟนจากต่างประเทศทั้งหมด รวมถึง iPhone ของ Apple, Samsung และผู้ผลิตรายอื่นๆ ด้วย โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะเดินหน้าเก็บภาษีดังกล่าวภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ โดยทรัมป์เขียนบน Truth Social ว่า “ผมได้แจ้งกับทิม คุก แห่ง Apple ไปนานแล้วว่า ผมคาดหวังว่า iPhone ที่จะขายในสหรัฐฯ ควรถูกผลิตและประกอบในประเทศ ไม่ใช่ที่อินเดีย หรือที่อื่นๆ หากไม่เป็นเช่นนั้น Apple จะต้องจ่ายภาษีอย่างน้อย 25%”
ปัจจุบัน iPhone รุ่นหลักของ Apple ยังคงมีฐานการผลิตเป็นส่วนใหญ่ในจีน แต่บริษัทได้เริ่มย้ายฐานการผลิตไปอินเดียบางส่วน เนื่องจากอินเดียมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นมิตรกว่าสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ ประเมินว่า หากย้ายการผลิต iPhone กลับมาสหรัฐฯ ราคาขายอาจเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25% โดยคาดว่า iPhone ที่ผลิตในสหรัฐฯ อาจมีราคาสูงถึง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ iPhone 16 Pro ขณะนี้มีราคาประมาณ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้านสก็อตต์ เบสเซนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า เรื่องของ Apple อาจเกี่ยวข้องกับความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ ในการผลักดันให้เกิด “การผลิตกลับคืนสู่สหรัฐฯ” โดยส่วนประกอบสำคัญของ Apple ส่วนมาก คือ เซมิคอนดักเตอร์ เราจึงต้องการให้ Apple ช่วยทำให้ห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์มีความมั่นคงยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ ทิม คุกได้บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับกองทุนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ และเข้าร่วมพิธีในเดือนม.ค. นอกจากนี้ Apple ยังประกาศแผนลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ รวมถึงการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI