Apple เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ใช้เลขปีตั้งชื่อรุ่นแทนเลขเวอร์ชัน – ดีไซน์ซอฟต์แวร์ใหม่ยกชุด

Apple เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ใช้เลขปีตั้งชื่อรุ่นแทนเลขเวอร์ชัน – ดีไซน์ซอฟต์แวร์ใหม่ยกชุด

Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เตรียมเปลี่ยนชื่อระบบปฏิบัติการ โดยจะตั้งชื่อตามปีที่ทำตลาด ตามแผนยกเครื่องซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่ ซึ่งจะครอบคลุมอุปกรณ์ทุกเซกเมนต์ของบริษัท

ทั้งนี้ Apple จะเริ่มใช้ปีปฏิทิน แทนการระบุชื่อรุ่นด้วยเลขเวอร์ชันสำหรับตั้งชื่อระบบปฏิบัติการรุ่นต่อไป ซึ่งหมายความว่า iOS 18 ในปัจจุบัน จะถูกเปลี่ยนเป็น “iOS 26” (แทนที่จะเป็น iOS 19) ส่วนระบบปฏิบัติการอื่นๆ จะใช้ชื่อว่า iPadOS 26, macOS 26, watchOS 26, tvOS 26 และ visionOS 26

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความสม่ำเสมอในการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการและเลี่ยงระบบเดิมที่อาจสร้างความสับสนให้กับทั้งผู้ใช้งานและนักพัฒนา โดยปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการของ Apple ใช้เลขเวอร์ชันที่ไม่ตรงกัน เนื่องจากเวอร์ชันเริ่มต้นของแต่ละระบบบนอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้เปิดตัวพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น iOS 18, watchOS 12, macOS 15 และ visionOS 2

คาดว่า บริษัทจะประกาศการรีแบรนด์ในงาน Worldwide Developers Conference (WWDC) ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ โดยการเปลี่ยนชื่อจะมาพร้อมกับการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่หมด เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานข้ามอุปกรณ์เป็นไปอย่างราบรื่นและสอดคล้องกันมากขึ้น โดยอินเทอร์เฟซใหม่นี้ ใช้ชื่อภายในว่า “Solarium” ซึ่งครอบคลุมถึง tvOS, watchOS และ visionOS บางส่วน

แนวทางการตั้งชื่อใหม่นี้ คล้ายกับที่ Samsung และ Microsoft เคยใช้ในปี 2020 โดย Samsung เปลี่ยนชื่อสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S ให้สะท้อนปีเปิดตัว โดยเปลี่ยนจาก Galaxy S10 (ปี 2019) กลายเป็น Galaxy S20 (ปี 2020) ขณะที่ Microsoft ก็เคยเปลี่ยนแนวทางในปี 1995 โดยใช้ชื่อ Windows 95, Windows 98 และ Windows 2000 ตามปีที่เปิดตัว

อย่างไรก็ตาม Apple จะใช้ชื่อของ “ปีถัดไป” แทนปีที่เปิดตัวจริง ตัวอย่างเช่น ระบบปฏิบัติการชุดใหม่จะเปิดตัวในเดือนก.ย. 2025 แต่จะใช้ชื่อปี 2026 ซึ่งคล้ายกับแนวทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งหาก Apple เดินหน้าแนวทางนี้ต่อไป ระบบปฏิบัติการชุดถัดไปก็จะใช้ชื่อว่า เวอร์ชัน “27”

ด้านไฮไลต์การเปลี่ยนแปลงในระบบปฏิบัติการใหม่ จะประกอบด้วย iPad ที่จะมีประสบการณ์ใช้งานใกล้เคียงกับ Mac มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระดับออฟฟิศ โดย Apple จะเปิดให้นักพัฒนาภายนอกเข้าถึงโมเดล AI ที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์ม Apple Intelligence ด้วย

ขณะที่ ฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ ได้แก่ โหมดแปลภาษาสด (Live Translation) สำหรับ AirPods และ Siri การควบคุม Vision Pro ด้วย “การเลื่อนตามดวงตา” (Eye Scrolling) ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ใช้ AI โหมดบริหารจัดการแบตเตอรี่อัจฉริยะด้วย AI คีย์บอร์ดแบบพิมพ์ได้ ทั้งภาษาอาหรับและอังกฤษ รวมไปถึง ปากกาดิจิทัลเขียนลายมือแบบคัดลายมือ (Calligraphy Pen) สำหรับ Apple Pencil และแอปพลิเคใหม่สำหรับการเล่นเกมบนอุปกรณ์ Apple

ทั้งหมดนี้ นับเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Apple ในการยกระดับซอฟต์แวร์ให้ล้ำสมัยและเป็นหนึ่งเดียวในทุกอุปกรณ์

ที่มา Bloomberg , สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย