ตลาดหุ้นโลกในเดือนพฤษภาคมปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ด้วยปัจจัยทางการค้าระหว่างประเทศที่มีท่าทีผ่อนคลายลง โดยสหรัฐฯ และจีนมีความคืบหน้าในการเจรจาผ่อนคลายมาตรการภาษี ด้วยการลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จากจีน เป็นการชั่วคราว ระยะเวลา 90 วัน เหลือเพียง 30% จากเดิม 145% และจีนเองก็ลดภาษีนำเข้าเหลือเพียง 10% ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงต้นเดือน อีกทั้งยังได้เกิดการพูดคุยกัน ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของความคืบหน้าในการเจรจา อย่างไรก็ตาม ผลการเจรจายังคงมีความไม่แน่นอนสูงและนักลงทุนยังคงต้องติดตามความคืบหน้าเกี่ยวนโยบายภาษีต่อไป
ในด้านตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมา ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนเมษายนส่งสัญญาณผ่อนคลาย โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย เติบโต 2.3% YoY สะท้อนว่า ความกังวลด้านราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ยังเผชิญกับคำสั่งซื้อใหม่ที่อ่อนตัวลง สะท้อนถึงความระมัดระวังในการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน
ตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลงสวนทางกับตลาดโลก ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภายนอกและภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงกดดันจากการปรับพอร์ตของกองทุนต่างประเทศในช่วงสิ้นเดือน ตามดัชนี MSCI ประกอบกับปัจจัยลบจากการที่ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยลง สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังและแนวนโยบายเศรษฐกิจต่อจากนี้ และในขณะเดียวกัน ผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่ออกมากสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้มีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนต่อจากนี้
ในขณะเดียวกัน สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับลดประมาณการ GDP ไทยในปีนี้ เหลือเพียง 1.8% จากเดิม 2.8% ซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำถึงแรงกดดันด้านการเติบโตที่ยังไม่แน่นอน ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังต่อการปรับลดดอกเบี้ย โดยอาจรอความชัดเจนเพิ่มเติมในครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ ยอดขายสินค้ากลุ่มการบริโภคหลายประเภทตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 นั้นมีสัญญาณอ่อนแอลงอย่างชัดเจน เรามองว่า ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน และการฟื้นตัวยังมีข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ
Fund Comment
Fund Comment พฤษภาคม 2025: ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกในเดือนพฤษภาคมปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ด้วยปัจจัยทางการค้าระหว่างประเทศที่มีท่าทีผ่อนคลายลง โดยสหรัฐฯ และจีนมีความคืบหน้าในการเจรจาผ่อนคลายมาตรการภาษี ด้วยการลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จากจีน เป็นการชั่วคราว ระยะเวลา 90 วัน เหลือเพียง 30% จากเดิม 145% และจีนเองก็ลดภาษีนำเข้าเหลือเพียง 10% ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและช่วยหนุนตลาดให้ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงต้นเดือน อีกทั้งยังได้เกิดการพูดคุยกัน ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของความคืบหน้าในการเจรจา อย่างไรก็ตาม ผลการเจรจายังคงมีความไม่แน่นอนสูงและนักลงทุนยังคงต้องติดตามความคืบหน้าเกี่ยวนโยบายภาษีต่อไป
ในด้านตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมา ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนเมษายนส่งสัญญาณผ่อนคลาย โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย เติบโต 2.3% YoY สะท้อนว่า ความกังวลด้านราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่ยังเผชิญกับคำสั่งซื้อใหม่ที่อ่อนตัวลง สะท้อนถึงความระมัดระวังในการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน
ตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลงสวนทางกับตลาดโลก ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภายนอกและภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงกดดันจากการปรับพอร์ตของกองทุนต่างประเทศในช่วงสิ้นเดือน ตามดัชนี MSCI ประกอบกับปัจจัยลบจากการที่ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยลง สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการคลังและแนวนโยบายเศรษฐกิจต่อจากนี้ และในขณะเดียวกัน ผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่ออกมากสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้มีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนต่อจากนี้
ในขณะเดียวกัน สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับลดประมาณการ GDP ไทยในปีนี้ เหลือเพียง 1.8% จากเดิม 2.8% ซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำถึงแรงกดดันด้านการเติบโตที่ยังไม่แน่นอน ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังต่อการปรับลดดอกเบี้ย โดยอาจรอความชัดเจนเพิ่มเติมในครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ ยอดขายสินค้ากลุ่มการบริโภคหลายประเภทตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 นั้นมีสัญญาณอ่อนแอลงอย่างชัดเจน เรามองว่า ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน และการฟื้นตัวยังมีข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ