
สหภาพยุโรป (EU) จัดทำบัญชีมาตรการตอบโต้รอบ 2 มุ่งเป้าสกัดสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 72,000 ล้านยูโร (84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งรวมถึงเครื่องบิน Boeing รถยนต์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยหาก EU ตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้ดังกล่าว คาดว่าความตึงเครียดทางการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้น
เอกสารความยาว 206 หน้า ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า ภาษีเพิ่มเติมจะถูกเรียกเก็บจากผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกล สารเคมีและพลาสติก อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ไฟฟ้า ไวน์ และสินค้าเกษตรอื่นๆ ด้วย ซึ่งมาตรการตอบโต้ดังกล่าว เดิมตั้งเป้าสินค้าอเมริกัน มูลค่ารวม 95,000 ล้านยูโร แต่ได้ถูกปรับลดลง หลังหารือกับบริษัทและประเทศสมาชิก ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติจากประเทศสมาชิกก่อนที่จะนำไปใช้ต่อไป
มาตรการชุดนี้ ถือเป็นการตอบโต้ของ EU หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีสินค้าส่วนใหญ่ในอัตรา 20% และภาษีเพิ่มเติม 25% สำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งอัตราภาษีทั่วไปดังกล่าวได้ถูกลดลงชั่วคราวเหลือ 10% เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจา
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า จะขึ้นภาษี EU เป็น 30% ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่งมารอส เซฟโควิช (Maros Sefcovic) หัวหน้าฝ่ายการค้าของกลุ่ม EU กล่าวว่า จะทำให้การค้าระหว่าง 2 ฝ่ายไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรัฐมนตรีการค้าของ EU ได้เร่งประชุมกันเพื่อหารือถึงขั้นตอนต่อไป โดยเซฟโควิชมีแผนจะพูดคุยกับฮาวเวิร์ด ลัตนิก (Howard Lutnick) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ เพื่อสานต่อการเจรจาที่ EU ยืนยันว่าต้องเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนี้ EU ยังประกาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะขยายการระงับภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐฯ ในบัญชีแรกมูลค่า 21,000 ล้านยูโร เพื่อตอบโต้ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมเพิ่มเติมจากประธานาธิบดีทรัมป์
บัญชีสินค้าสหรัฐฯ ที่ EU กำหนดเป้าหมายใหม่ครั้งนี้ รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมกว่า 65,000 ล้านยูโร โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องบิน (เกือบ 11,000 ล้านยูโร), เครื่องจักร (กว่า 9,400 ล้านยูโร) และรถยนต์ (เกือบ 8,000 ล้านยูโร) นอกจากนี้ สินค้าเกษตรและอาหารกว่า 6,000 ล้านยูโร ก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่เป็นผักและผลไม้ (เกือบ 2,000 ล้านยูโร) และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (1,200 ล้านยูโร) ซึ่งมาตรการชุดใหญ่นี้ ยังครอบคลุมถึงอุปกรณ์และเครื่องมือความละเอียดสูง (เกือบ 5,000 ล้านยูโร), ของเล่นและอุปกรณ์งานอดิเรก (กว่า 500 ล้านยูโร) ปืนที่ใช้สำหรับกีฬา (เกือบ 300 ล้านยูโร) และเครื่องดนตรี (ประมาณ 200 ล้านยูโร)
ขณะเดียวกัน บรรดาบริษัทที่ตั้งอยู่ในยุโรป เรียกร้องให้ผู้แทนเจรจาการค้า เพิ่มความพยายามในการบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ตั้งแต่เดือนส.ค. แม้บริษัทต่างๆ จะไม่ตื่นตระหนก และคาดหวังว่าประธานาธิบดีทรัมป์ จะยกเลิกการข่มขู่เหมือนที่เคยทำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
คำขู่เก็บภาษีดังกล่าว จะก่อให้เกิดผลกระทบครั้งใหญ่ โดยเฉพาะผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ยา และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งข้อมูลจาก USTR แสดงให้เห็นว่าความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-EU มีมูลค่า 975,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024
ด้านนักวิเคราะห์หลายราย คาดว่า การเจรจาจะยังคงเห็นผล ก่อนถึงกำหนดเส้นตาย ซึ่งที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศเรื่องภาษีหลายครั้ง และมักจะแก้ไขหรือเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป ซึ่งทำให้ตลาดเรียกสิ่งที่เกิดขึ้น ว่า “TACO” (Trump Always Chickens Out หรือทรัมป์มักถอย)
แดน เฮิร์สช์ ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมของบริษัทที่ปรึกษา AlixPartners กล่าวว่า บริษัทต่างๆ เริ่มเข้าใจว่า ไม่ควรตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น บริษัทต่างๆ ไม่ได้เร่งรีบที่จะปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายตอนนี้มีทีมงานที่พร้อมรับมือกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเริ่มปรากฏให้เห็นในฝั่งธุรกิจยานยนต์ โดย Volvo Car กล่าวว่า ไม่สามารถทำกำไรจากการขายรถยนต์รุ่น ES90 ในสหรัฐฯ