ยอดขายรถยนต์มาเลเซีย ขึ้นแซงอินโดนีเซียเป็นครั้งแรกในไตรมาส 2 รับความนิยมแบรนด์ผลิตเองในประเทศ ขณะที่ ดีมานด์ตลาดยานยนต์อินโดฯ ร่วงแรง เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาค ที่เผชิญกำลังซื้อซบเซาเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
สำนักข่าว Nikkei Asia เผยว่า ยอดขายรถในมาเลเซีย ลดลง 1% เมื่อเทียบรายปี อยู่ที่ 183,366 คัน ขณะที่ ยอดขายของอินโดนีเซีย ร่วงลงถึง 12% อยู่ที่ 169,578 คัน ในไตรมาสที่ 2
ยอดขายช่วงเดือนเม.ย. – มิ.ย. จากตลาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 5 แห่ง ประกอบด้วยอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม พบว่า ยอดขายรวมทั้ง 5 ตลาดอยู่ที่ 707,055 คัน ลดลง 1% เมื่อเทียบรายปี และลดลง 2% จากไตรมาสแรกปีนี้ ทั้งยังลดลง 23% จากสถิติสูงสุดในไตรมาส 4 ปี 2022 ซึ่งอยู่ที่ 920,075 คัน
*** แบรนด์เจ้าถิ่นครองตลาดมาเลย์ กวาดมาร์เก็ตแชร์กว่า 60%
ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากมาเลเซีย เผยว่า แบรนด์ในประเทศ อย่าง Perodua และ Proton ครองส่วนแบ่งถึง 63% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
สำหรับการจัดอันดับรุ่นยานยนต์ที่ขายดี พบว่า รุ่นที่ผลิตเอง เช่น Perodua Alza และ Proton Saga ติด 6 อันดับแรก ขณะที่ รุ่นแบรนด์ต่างประเทศ เช่น Toyota Vios และ Honda City ตามมาไล่เลี่ยกัน
แม้ว่า แบรนด์ Perodua จะมี Daihatsu ในเครือ Toyota เป็นพันธมิตรผู้ร่วมก่อตั้ง ขณะที่ Geely ของจีนมีสัดส่วนการถือหุ้นใน Proton อยู่ที่ 49.9% แต่ทั้ง Perodua และ Proton ก็จัดเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ของมาเลเซีย และได้รับการอุดหนุนทางอ้อมจากรัฐบาลในฐานะที่มีบทบาทต่อการพัฒนาประเทศ
นอกจากนี้ ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริดที่เพิ่มขึ้นในมาเลเซีย ยังมีส่วนหนุนยอดขายเช่นกัน
- ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ช่วงครึ่งปีแรก ทะยานขึ้น 91% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 12,733 คัน
- ยอดรถยนต์ไฮบริด เพิ่มขึ้น 12% อยู่ที่ 17,480 คัน ในครึ่งปีแรก ในจำนวนนี้ เป็นยอดขายจาก BYD ยักษ์ใหญ่จากจีน อยู่ที่ 5,400 คัน
- แม้จะเปิดเผยเป็นบางบริษัทก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Proton “e.MAS 7” ที่เปิดตัวในเดือนธ.ค. มีส่วนช่วยหนุนยอดขายในกลุ่มนี้เช่นกัน และบริษัทคาดว่าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สอง “e.MAS 5” ช่วงปลายปีนี้
*** อินโดฯ แรงซื้อชนชั้นกลางหด ฉุดยอดขายร่วงแรง
ยอดขายรถยนต์ของอินโดนีเซีย เดือนมิ.ย. ลดลง 21% เมื่อเทียบรายปี มาอยู่ที่ 57,760 คัน และเป็นครั้งแรกที่ลดลงเกิน 20% นับจากเดือนมี.ค. 2024 แม้ยอดขายเดือนเม.ย. จะเพิ่มขึ้น 5% ก็ตาม เนื่องจากปีที่แล้วมีจำนวนวันหยุดมากกว่า แต่ยอดขายที่ลดลงในเดือนมิ.ย. ก็ส่งผลให้ยอดขายรวมในไตรมาสที่ 2 ลดลงไปถึง 12%
นักเศรษฐศาสตร์จาก Bank Danamon ให้ความเห็นว่า ยอดขายรถยนต์ที่ลดลงนั้น ส่วนใหญ่มาจากกำลังซื้อที่ลดลงในกลุ่มชนชั้นกลางและเงื่อนไขการให้สินเชื่อผู้บริโภคที่เข้มงวดขึ้น
ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย (BPS) เผยว่า สัดส่วนของชนชั้นกลางในอินโดนีเซีย ลดลงจาก 21.4% (จากจำนวนประชากร 267 ล้านคน) ในปี 2019 มาอยู่ที่ 17.1% (ประชากร 289 ล้านคน) ในปี 2024 ซึ่งไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมรถยนต์ แต่ธุรกิจหลายภาคส่วนก็ได้รับผลกระทบจากชนชั้นกลางที่ลดลงเช่นกัน
*** เวียดนามยังโต แม้ชะลอตัว – ส่งออกไปสหรัฐฯ หนุน
ภาพรวมตลาดรถยนต์เวียดนามยังเติบโตสูง แม้ไตรมาส 2 จะเพิ่มขึ้นไม่ถึง 20% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 ก็ตาม แต่ยังได้แรงหนุนจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ทำให้การเติบโตอยู่ที่ 18% อยู่ที่ 90,772 คัน
แม้ผู้ผลิตจะกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แต่อัตราการเติบโตของ GDP ในช่วง 6 เดือนของปี 2025 ยังสูงถึง 7.52% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยังสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยมีปัจจัยบวกจากกำลังซื้อของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น
ด้าน Vinfast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในเครือของ Vingroup ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 87,000 คันในปี 2024 ซึ่งตัวเลขส่วนนี้ไม่ได้รวมอยู่ในสถิติของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม
ขณะที่ ค่าย Hyundai จากเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับความนิยมในเวียดนาม และผลิตโดย Thanh Cong Group ไม่ได้รวมยอดขายในสถิติดังกล่าวเช่นกัน แต่คาดว่า ยอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2025 และอาจแซงฟิลิปปินส์ ที่เป็นตลาดอันดับ 4 ได้
*** ไทย กลับมาโต รับอานิสงส์ EV
สำหรับไทย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน มียอดขายเพิ่มขึ้น 3.6% อยู่ที่ 149,501 คันในไตรมาสที่ 2 และเป็นการกลับมาเพิ่มขึ้นรายไตรมาสครั้งแรก นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2022 โดยยอดขายเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1% และเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยยังคงเติบโตต่อเนื่องในเดือนพ.ค. และมิ.ย.
ปัจจัยหลักที่ช่วยให้ตลาดยานยนต์ไทยกลับมาฟื้นตัวมาจากยอดขาย EV ตามข้อมูลของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 33% อยู่ที่ 69,005 คัน คิดเป็น 23% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด 302,704 คัน
ประเทศไทย ซึ่งครั้งหนึ่ง มีฉายาว่า “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” ปัจจุบัน ยังคงเป็นฐานการผลิตให้กับรถยนต์หลายค่าย ก็กำลังเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่ ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังลดการดำเนินงานในไทยลง
- Honda จะยุติการผลิตที่โรงงานในอยุธยาในปีนี้ และจะควบรวมการดำเนินงานไว้ที่โรงงานในปราจีนบุรี
- Suzuki Motor จะปิดโรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัทในเครือ ที่ตั้งอยู่ในไทย ภายในสิ้นปีนี้
- Nissan เตรียมควบรวมการผลิตในไทย โดยจะปิด 1 ใน 2 โรงงานในไทย ซึ่งมีกำลังการผลิต 220,000 คันต่อปี และย้ายฐานการผลิตจากอาร์เจนตินาไปยังบราซิล
ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้ปรับลดการคาดการณ์การผลิตรถยนต์ในปี 2025 ลงจาก 1.5 ล้านคัน มาอยู่ที่ 1.45 ล้านคัน ซึ่งจะลดลง 1% จากปีก่อน
ที่มา Nikkei Asia, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย