
Fund Comment
Fund Comment กรกฎาคม 2025: มุมมองตลาดตราสารหนี้
- ภาพรวมตลาดในเดือนก.ค. มีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งในและต่างประเทศ โดยประเด็นหลักในประเทศ ได้แก่ 1) การรอข้อสรุปอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะครบกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งทีมไทยแลนด์ต้องยื่นข้อเสนอเข้าไปอีกครั้ง
2) การรอลุ้นผลการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งรายชื่อ 2 คนสุดท้าย คือ คุณวิทัย รัตนากรผู้อำนวยการออมสิน และคุณรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. 3) การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คือ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) - ช่วงต้นเดือนก.ค. ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศชุดอัตราภาษีนำเข้าครั้งใหม่ โดยระบุอัตราระหว่าง 25-40% ครอบคลุมสินค้าจากกว่า 12 ประเทศ ซึ่งรวมถึงพันธมิตรสำคัญ อย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และกัมพูชา โดยได้ขยายเส้นตาย จากเดิมวันที่ 9 ก.ค. ไปเป็น 1 ส.ค. และแสดงท่าทีพร้อมเจรจาเพิ่มเติมกับแต่ละประเทศ โดยในจดหมายฉบับใหม่ ไทยยังคงถูกเก็บภาษีที่อัตราภาษีเดิมที่ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. คือ 36% ทางทีมไทยจึงต้องนำเสนอข้อมูลเจรจารอบใหม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 1 ส.ค. สหรัฐฯ ได้ทยอยประกาศอัตราภาษีนำเข้าของประเทศต่างๆ ซึ่งไทยมีอัตราภาษีที่ลดลงจากระดับ 36% มาอยู่ที่ 19% ใกล้เคียงกับภูมิภาคอาเซียน และดีกว่าเวียดนาม นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับไทย เนื่องจากเป็นอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ทำให้สินค้าส่งออกไทยไม่สูญเสียความสามารถในการแข่งขันมากอย่างที่เคยกังวลกัน ช่วยลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ ระดับอัตราภาษี 19% เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับที่ ธปท. ใช้ในตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ (20%)
- ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. 2568 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติ 9 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25% – 4.50% เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน โดยมีกรรมการ 2 ท่าน คือ Christopher Waller และ Michelle Bowman ไม่เห็นด้วย เนื่องจากต้องการให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อรองรับแรงกดดันจากตลาดแรงงานที่เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอมากขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่มีเสียงคัดค้าน 2 เสียงพร้อมกันจากคณะกรรมการระดับผู้ว่าการฯ ทั้งนี้ หลังการประชุม ตลาดการเงินลดโอกาสในการลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. เหลือประมาณ 40% (จากเดิม 60%) และประเมินว่า อาจเห็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนต.ค.
- อย่างไรก็ตาม หลังจากการประกาศตัวเลขด้านการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ค. ที่ลดลงมากกว่าคาดการณ์ และยังปรับแก้ไขตัวเลข 2 เดือนก่อนหน้าลงด้วย สะท้อนถึงการชะลอตัวของการจ้างงาน ส่งผลให้ตลาดกลับมาให้น้ำหนักว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกของปีจะเกิดขึ้นในเดือน ก.ย.
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแต่งตั้งคุณวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป และมีวาระการทำงาน 5 ปี โดยมาแทนที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.คนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระในเดือนก.ย. นี้ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้ น่าจะเห็นนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือน มิ.ย. 2568 ลดลง -0.25% YoY ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากเดือนก่อนหน้าที่
-0.57% จากราคาพลังงาน (เบนซินและดีเซล) และราคาผักและผลไม้ที่ลดลงเป็นหลัก ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ชะลอลงเล็กน้อยเป็น 1.06% YoY จากก่อนหน้าที่ 1.09% YoY สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2568 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและพื้นฐานอยู่ที่ 0.37% และ 0.97% ตามลำดับ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 0.00 – 1.00% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งต่ำกว่ากรอบล่างของ ธปท. ที่ 1.00-3.00% - การส่งออกสินค้าไทย เดือน มิ.ย. ขยายตัว 15.5% YoY มีแรงส่งหลักมาจากการเร่งสั่งซื้อล่วงหน้าของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่เร่งนำเข้าสินค้าจากไทยก่อนที่มาตรการภาษีจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 2568 ส่งผลให้สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน แผงวงจรไฟฟ้า รวมถึงสินค้าเกษตร ฟื้นตัวชัดเจน ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2568 (ม.ค.–มิ.ย.) การส่งออกมีมูลค่า 1.668 แสนล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 15.0% YTD
- ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาได้มีความรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อวันที่ 24 ก.ค. นำไปสู่การปะทะทางทหารเต็มรูปแบบในหลายจุด และในวันที่ 28 ก.ค. เกิดการเจรจาตกลงหยุดยิง โดยนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย เป็นประธานและคนกลางในการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อคลี่คลายสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งในช่วงที่ปะทะกันนั้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงิน
- บลจ. บัวหลวง มองว่า มีโอกาสเห็น ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1-2 ครั้งภายในปีนี้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ณ สิ้นเดือน ก.ค. ปรับตัวเพิ่ม 10-22 bps ในทุกช่วงอายุ เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากมีรายงานการจ้างงานที่ชะลอลงออกมาเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับลดลงทันที 10-25 bps จากการที่ตลาดกลับมาให้น้ำหนักมากขึ้นว่า จะเกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ณ สิ้นเดือน ก.ค. ปรับตัวลง 6-16 bps ในทุกช่วงอายุ เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว เป็นไปตามมุมมองของตลาดที่คาดว่าดอกเบี้ยจะปรับลงในระยะข้างหน้า และความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา
- 07/08/2025
- Pornsin
Fund Comment
Fund Comment กรกฎาคม 2025: มุมมองตลาดตราสารหนี้
2) การรอลุ้นผลการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งรายชื่อ 2 คนสุดท้าย คือ คุณวิทัย รัตนากรผู้อำนวยการออมสิน และคุณรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. 3) การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ส่วนปัจจัยต่างประเทศ คือ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)
-0.57% จากราคาพลังงาน (เบนซินและดีเซล) และราคาผักและผลไม้ที่ลดลงเป็นหลัก ด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ชะลอลงเล็กน้อยเป็น 1.06% YoY จากก่อนหน้าที่ 1.09% YoY สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2568 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและพื้นฐานอยู่ที่ 0.37% และ 0.97% ตามลำดับ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 0.00 – 1.00% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งต่ำกว่ากรอบล่างของ ธปท. ที่ 1.00-3.00%