นายพรชลิต พลอยกระจ่าง กรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือBBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 22 จากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 หรือระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.19106 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 อีกทั้งกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 5 กันยายน 2568

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 22 ครั้ง คิดเป็นเงิน 3.88670 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินลดทุนไป 5 ครั้ง คิดเป็นเงิน 0.715 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินลดทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 4.60170 บาทต่อหน่วย
โดยตั้งแต่ปีปฏิทิน 2566 เป็นต้นไป หากกองทุนฯ มีเงินลดทุนสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างปีปฏิทิน กองทุนฯ จะรวบรวมเงินลดทุนดังกล่าวไปจ่ายพร้อมกับเงินจ่ายที่จะพิจารณาจากรอบผลการดำเนินงานสุดท้ายของปีปฏิทินนั้นๆ โดยสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 กองทุนฯ มีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 125.5 ล้านบาท หรือ 0.24373 บาทต่อหน่วย และสำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 กองทุนฯ จะมีสภาพคล่องคงเหลือหลังจากการจ่ายเงินปันผลและการกันสำรองต่างๆ ประมาณ 0.4 ล้านบาท หรือ 0.00079 บาทต่อหน่วย
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2568 พบว่า รายได้รวมเท่ากับ 185.2 ล้านบาท ลดลง 13.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 12.7% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิลดลง 13.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 12.4% จากไตรมาสก่อน เป็น 184.7 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 150.8 ล้านบาท ลดลง 10.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากรายได้รวมลดลงสูงกว่าค่าใช้จ่ายรวมที่ลดลง และลดลง 15.1% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ 81.4% เมื่อเทียบกับ 78.3% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 83.7% ในไตรมาสก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 พบว่า มีรายได้รวมเท่ากับ 397.3 ล้านบาท ลดลง 7.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักของการลดลงดังกล่าว เป็นเพราะรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิลดลง 7.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 395.6 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 328.4 ล้านบาท ลดลง 2.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากรายได้รวมลดลงสูงกว่าค่าใช้จ่ายรวมที่ลดลงดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ทั้งนี้ อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิสำหรับครึ่งแรกของปี 2568 อยู่ที่ 82.7% เพิ่มขึ้นจาก 78.4% ในงวดเดียวกันของปีก่อน
กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
BBLAM
8 สิงหาคม 2568