
Fund Comment
Fund Comment สิงหาคม 2025: มุมมองตลาดตราสารหนี้
- ภาพรวมตลาดในเดือนส.ค. มีปัจจัยทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ โดยประเด็นหลัก ได้แก่ 1) สหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ใหม่ต่อไทย ในอัตราที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากระดับ 36% มาอยู่ที่ 19% 2) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) จาก 1.75% เป็น 1.50% 3) การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ขยายตัว 2.8% YoY 4) การประชุมนโยบายทางเศรษฐกิจประจำปี ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ Jackson Hole
- ข้อสรุปอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ครบกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. นั้น ทางสหรัฐฯ ประกาศอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ใหม่ต่อไทย ในอัตราที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากระดับ 36% มาอยู่ที่ 19% ใกล้เคียงกับภูมิภาคอาเซียน และดีกว่าเวียดนามถูกเก็บภาษีที่ 20%
- คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) มีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.50% โดย กนง. มองเศรษฐกิจไทยเปราะบางขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ท่ามกลางผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอาจช่วยลดต้นทุนทางการเงินและบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบางได้ในระดับหนึ่ง
- GDP ไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 2.8% YoY ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้สูงต่อเนื่อง จากการชะลอการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวสูงถึง 14.3% YoY (ไตรมาสก่อน 13.8%) ซึ่งหนุนให้กิจกรรมการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นด้วย โดยขยายตัว 1.7% YoY (ไตรมาสก่อน 0.9%) ส่งผลให้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจขยายตัว 3.0% YoY
- รายงานการประชุมนโยบายการเงินของ Fed เมื่อวันที่ 29-30 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีมติ 9 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25% – 4.50% ได้บ่งชี้ว่า คณะกรรมการ Fed มีความกังวลต่อเงินเฟ้อสูงและตลาดแรงงานที่แผ่วลง แต่คณะกรรมการส่วนใหญ่ตัดสินว่า ความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงมีความน่ากังวลมากกว่าและยังเร็วเกินไปที่จะลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรล่าสุดเดือน ก.ค. (ประกาศวันที่ 1 ส.ค.) ออกมาแย่กว่าคาดมาก และยังปรับแก้ไขตัวเลข 2 เดือนก่อนหน้าลงด้วย
- การประชุมประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole ปี 2025 สะท้อนภาพชัดเจนขึ้นว่า ประธาน Fed ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้สูงที่จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยระบุว่า ความเสี่ยงต่อการจ้างงานเพิ่มขึ้น และข้อมูลการจ้างงานเดือนก.ค. สะท้อนว่า ตลาดแรงงานไม่แข็งแกร่งเท่าเดิม การยอมรับนี้เปิดโอกาสให้ Fed พิจารณาปรับลดนโยบายดอกเบี้ยลง สะท้อนการปรับท่าทีจากเดิมที่เน้นควบคุมเงินเฟ้อไปสู่ความระมัดระวังด้านการจ้างงาน
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือน ก.ค. ลดลง -0.70% YoY ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากเดือนก่อนหน้าที่
-0.25% โดยหลักๆ เป็นผลจากการปรับลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และอาหารสด ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 0.00 – 1.00% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งต่ำกว่ากรอบล่างของ ธปท. ที่ 1.00-3.00%
- การเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยในวันที่ 29 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน จึงพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที และคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงทั้งคณะ โดยนับผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องติดตามการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อไป
- บลจ.บัวหลวง มองว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีทิศทางลดลง จากแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเจรจาการค้า ความเสี่ยงทางการเมือง รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจปะทุขึ้นมาอีกได้จากภาวะที่เปราะบางในปัจจุบัน
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ณ สิ้นเดือน ส.ค. ช่วงอายุตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับลดลง 14-35 bps เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว จากการที่ตลาดกลับมาให้น้ำหนักมากขึ้นว่า จะเกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะภาคตลาดแรงงาน
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ณ สิ้นเดือน ส.ค. ปรับตัวลง 14-24 bps ในทุกช่วงอายุ เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว ตามการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนส.ค. และการคาดการณ์ว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกในระยะข้างหน้า
- 05/09/2025
- Pornsin
Fund Comment
Fund Comment สิงหาคม 2025: มุมมองตลาดตราสารหนี้
-0.25% โดยหลักๆ เป็นผลจากการปรับลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และอาหารสด ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 0.00 – 1.00% (ค่ากลาง 0.5%) ซึ่งต่ำกว่ากรอบล่างของ ธปท. ที่ 1.00-3.00%