แบงก์ชาติ-คลัง เล็งเก็บภาษีค้าทองคำ ชะลอเงินบาทแข็งค่า

แบงก์ชาติ-คลัง เล็งเก็บภาษีค้าทองคำ ชะลอเงินบาทแข็งค่า

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงใน ระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาเก็บภาษีทองคำที่ซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ และชำระด้วยเงินบาท เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยหลังจากมีรายงานข่าวนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์

แหล่งข่าวยังระบุว่า ภาษีดังกล่าวอาจยกเว้นทองคำที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทองคำที่ซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์ส หรือซื้อจากร้านทอง โดยการจัดเก็บภาษีนี้มีเป้าหมาย เพื่อลดการส่งออกทองคำ ซึ่งทำให้ต้นทุนการถือครองทองคำของคนไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยการไหลเข้าของเงินดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกทองคำเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามที่แหล่งข่าวให้ข้อมูล

หลังจากมีรายงานดังกล่าวออกมา ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงถึง 0.7% อยู่ที่ระดับ 31.97 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.

ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกทองคำของไทยพุ่งสูงขึ้นถึง 69% อยู่ที่ 254,000 ล้านบาท (ประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติจนนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการสอบสวน ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกก็ปรับตัวขึ้นเกือบ 40% ในปีนี้

รายได้จากการส่งออกทองคำมีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่า จนแตะระดับสูงสุดเทียบเท่าปี 2021 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแล้ว 7% ในปีนี้ ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้แบงก์ชาติเข้าแทรกแซงตลาดอย่างจริงจังเพื่อปกป้องภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว

ทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้พบกับผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมในวันนี้ กล่าวว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินบาทอย่างเร่งด่วน พร้อมยังให้คำมั่นว่าจะดำเนินการกับความผิดปกติใดๆ ในการส่งออกทองคำที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึงการส่งออกไปยังกัมพูชาด้วย

ที่มา: Bloomberg , สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย