ในเดือนสิงหาคม 2568 ภาพรวมตลาดหุ้นโลกยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางบวก โดยปรับตัวขึ้นราว 2.7% ได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงผ่อนคลายมากขึ้น หลังการประชุม Jackson Hole ปลายเดือน ส.ค. ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า สมดุลความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเปลี่ยนไป โดยแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มชั่วคราว ขณะที่ ความเสี่ยงด้านการจ้างงานเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้ตลาดประเมินโอกาสสูงกว่า 80–90% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนกันยายน และอาจจะปรับลดอีกครั้งในไตรมาส 4/2568 รวมถึงต่อเนื่องไปในปี 2569 ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงใหม่ที่ตลาดต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ประเด็นทางกฎหมายของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ มีคำตัดสินว่า การตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ของทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทรัมป์ยืนยันว่า จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด แต่หากแพ้คดี ผลที่ตามมาอาจรุนแรงถึงขั้นสร้างความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐฯ เนื่องจากจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือด้านนโยบายการค้าและงบประมาณของประเทศ ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป
ในส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ สะท้อนภาพการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เงินเฟ้อ PCE เดือนกรกฎาคมทรงตัวที่ 2.6% YoY ใกล้เคียงที่ตลาดคาด ขณะที่ Core PCE เร่งขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.9% YoY จากแรงกดดันราคาบริการ การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังแข็งแรง โดยเฉพาะหมวดสินค้าคงทนสะท้อนกำลังซื้อที่ยังไม่อ่อนแรง แม้ตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอ แต่รายได้ส่วนบุคคลยังขยายตัวได้ดี ปัจจัยเหล่านี้ช่วยลดความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงได้
ในฝั่งตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมปิดลดลงเล็กน้อย -0.5% MoM หลังผ่านพ้นช่วงรายงานงบการเงินไตรมาส 2 ที่ออกมาโดยรวมดีกว่าคาด แต่แรงหนุนเริ่มจำกัดลง อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งชุดพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดเข้าสู่ภาวะสุญญากาศทางการเมือง ขณะเดียวกัน การพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ยิ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุนว่า ความล่าช้าอาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า
ในส่วนภาพของเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลงในหลายมิติ ทั้งภาคการส่งออกที่เริ่มสะท้อนผลลบจากมาตรการภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ผลผลิตอุตสาหกรรมที่หดตัว โดยเฉพาะยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหลังจากการเมืองไทยที่เริ่มคลี่คลาย จากการโหวตเห็นชอบให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นส่วนช่วยสร้างความมั่นใจในระยะสั้นให้กับตลาดทุน แม้เงื่อนไขการยุบสภาภายใน 4 เดือน จะยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุน แต่การเดินหน้ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาลและการแถลงนโยบาย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ กลยุทธ์การลงทุนต่อจากนี้ เรามองว่า หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มค้าปลีก การเงิน และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
Fund Comment
Fund Comment สิงหาคม 2025: ภาพรวมตลาดหุ้น
ในเดือนสิงหาคม 2568 ภาพรวมตลาดหุ้นโลกยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางบวก โดยปรับตัวขึ้นราว 2.7% ได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นว่า นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ช่วงผ่อนคลายมากขึ้น หลังการประชุม Jackson Hole ปลายเดือน ส.ค. ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า สมดุลความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเปลี่ยนไป โดยแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มชั่วคราว ขณะที่ ความเสี่ยงด้านการจ้างงานเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้ตลาดประเมินโอกาสสูงกว่า 80–90% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนกันยายน และอาจจะปรับลดอีกครั้งในไตรมาส 4/2568 รวมถึงต่อเนื่องไปในปี 2569 ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงใหม่ที่ตลาดต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ ประเด็นทางกฎหมายของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ มีคำตัดสินว่า การตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ของทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทรัมป์ยืนยันว่า จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด แต่หากแพ้คดี ผลที่ตามมาอาจรุนแรงถึงขั้นสร้างความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐฯ เนื่องจากจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือด้านนโยบายการค้าและงบประมาณของประเทศ ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป
ในส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ สะท้อนภาพการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เงินเฟ้อ PCE เดือนกรกฎาคมทรงตัวที่ 2.6% YoY ใกล้เคียงที่ตลาดคาด ขณะที่ Core PCE เร่งขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.9% YoY จากแรงกดดันราคาบริการ การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังแข็งแรง โดยเฉพาะหมวดสินค้าคงทนสะท้อนกำลังซื้อที่ยังไม่อ่อนแรง แม้ตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอ แต่รายได้ส่วนบุคคลยังขยายตัวได้ดี ปัจจัยเหล่านี้ช่วยลดความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงได้
ในฝั่งตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมปิดลดลงเล็กน้อย -0.5% MoM หลังผ่านพ้นช่วงรายงานงบการเงินไตรมาส 2 ที่ออกมาโดยรวมดีกว่าคาด แต่แรงหนุนเริ่มจำกัดลง อีกทั้งบรรยากาศการลงทุนถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งชุดพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดเข้าสู่ภาวะสุญญากาศทางการเมือง ขณะเดียวกัน การพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่ยังไม่แล้วเสร็จ ยิ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุนว่า ความล่าช้าอาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า
ในส่วนภาพของเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลงในหลายมิติ ทั้งภาคการส่งออกที่เริ่มสะท้อนผลลบจากมาตรการภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ผลผลิตอุตสาหกรรมที่หดตัว โดยเฉพาะยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหลังจากการเมืองไทยที่เริ่มคลี่คลาย จากการโหวตเห็นชอบให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นส่วนช่วยสร้างความมั่นใจในระยะสั้นให้กับตลาดทุน แม้เงื่อนไขการยุบสภาภายใน 4 เดือน จะยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุน แต่การเดินหน้ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาลและการแถลงนโยบาย ถือเป็นปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ กลยุทธ์การลงทุนต่อจากนี้ เรามองว่า หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มค้าปลีก การเงิน และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น