
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อประกาศว่า แผนการขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับนักลงทุนอเมริกันและต่างชาติ จะเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ระบุไว้ในกฎหมายปี 2024 โดยเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บริษัทใหม่ที่จะตั้งขึ้นเพื่อดูแลกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ จะมีมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์หลายราย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายที่ห้ามการใช้งาน TikTok เว้นแต่จะมีการขายกิจการออกจากเจ้าของชาวจีน ไปจนถึงวันที่ 16 ธ.ค. เพื่อเปิดทางสำหรับการแยกสินทรัพย์ TikTok ของสหรัฐฯ ออกจากแพลตฟอร์มในประเทศอื่นๆ รวมถึงจัดหานักลงทุนชาวอเมริกันและต่างชาติ และเจรจาขอการอนุมัติจากรัฐบาลจีน ซึ่งการประกาศคำสั่งฝ่ายบริหารครั้งนี้ สะท้อนว่า ทรัมป์มีความคืบหน้าในกระบวนการขายกิจการ TikTok สหรัฐฯ แต่ยังมีรายละเอียดสำคัญที่ต้องหาข้อยุติ โดยเฉพาะเรื่องกรรมสิทธิ์เหนือ “อัลกอริทึมแนะนำคอนเทนต์” ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดของบริษัทใหม่
โดยคำสั่งดังกล่าว ยังขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายแบน TikTok ออกไปจนถึงวันที่ 20 ม.ค. 2026 ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า บริษัทร่วมทุนใหม่นี้จะต้อง “รีเทรน” (retrain) อัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาใหม่ทั้งหมด ภายใต้การกำกับดูแลของพันธมิตรด้านความปลอดภัยของสหรัฐฯ และอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ โดยเขายังเปิดเผยว่าได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งตอบรับแผนดังกล่าวแล้ว
TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ราว 170 ล้านคน และทรัมป์เองมีผู้ติดตามกว่า 15 ล้านบัญชี เขายืนยันว่า “TikTok เวอร์ชันใหม่นี้จะถูกดำเนินงานโดยสหรัฐฯ อย่างเต็มที่” พร้อมระบุว่า นักลงทุนรายใหญ่ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องในดีล ได้แก่ ไมเคิล เดลล์ ผู้ก่อตั้ง Dell Technologies, รูเพิร์ต เมอร์ด็อก อดีตประธาน Fox News และ News Corp รวมถึงนักลงทุนระดับโลกอีก 4–5 ราย
แม้ทำเนียบขาวจะประเมินมูลค่า TikTok สหรัฐฯ ไว้ที่ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในจีน ยังคงประเมินมูลค่าตนเองมากกว่า 330,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่ระบุในแผนซื้อคืนหุ้นพนักงานล่าสุด โดยนักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ประเมินว่า TikTok เพียงอย่างเดียว อาจมีมูลค่า 30,000–40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากไม่นับรวมอัลกอริทึม
ขณะที่ สื่อจีน รายงานมุมมองที่ต่างออกไป โดยระบุว่า ByteDance จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการดำเนินงาน เช่น การดูแลอีคอมเมิร์ซ การสร้างแบรนด์ และการเชื่อมต่อกับธุรกิจระหว่างประเทศ อีกทั้งยังจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมทุนในสหรัฐฯ โดยโครงสร้างการถือหุ้นตามรายงาน คือ กลุ่มนักลงทุนซึ่งประกอบด้วย Oracle และ Silver Lake จะถือหุ้นราว 50% ใน TikTok U.S. ขณะที่ ผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ ByteDance จะถือหุ้นราว 30% ส่วน ByteDance เองจะถือไม่ถึง 20% เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายสหรัฐฯ ในปี 2024 ที่สั่งให้ขายกิจการ เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอคำสั่งแบนการใช้งานแอปในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ โครงสร้างบอร์ดบริหารของบริษัทใหม่จะมี 7 ที่นั่ง ซึ่ง 6 ที่นั่งจะเป็นคนอเมริกัน และ ByteDance ได้สิทธิแต่งตั้ง 1 ที่นั่ง
คำสั่งของทรัมป์ถือเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดดีล TikTok สหรัฐฯ ให้เป็นรูปธรรม แต่ยังมีคำถามตามมา โดยเฉพาะประเด็นการควบคุมอัลกอริทึมที่ถือเป็นทรัพย์สินหลักของแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่าดีลจะสามารถตัดอิทธิพลจีนออกได้จริงหรือไม่
ที่มา: Reuters, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย