ผู้นำญี่ปุ่น เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ 6.5 หมื่นล้านดอลล์ ช่วยค่าครองชีพ-ลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง-เพิ่มงบกลาโหม

ผู้นำญี่ปุ่น เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ 6.5 หมื่นล้านดอลล์ ช่วยค่าครองชีพ-ลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง-เพิ่มงบกลาโหม

นางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านเยน (64,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อและผลักดันการออกงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในโครงการดังกล่าว

นางทาคาอิจิ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกกระทรวง จัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ต.ค. โดยให้ยึด 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ การดูแลความมั่นคงในการดำรงชีวิตและแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ผ่านการลงทุนเชิงป้องกันความเสี่ยงและการเติบโต รวมไปถึงการเสริมศักยภาพด้านการป้องกันประเทศและการทูต อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่มีแผนจำกัดกรอบงบประมาณของแต่ละกระทรวง ซึ่งบางฝ่ายเห็นว่า ควรใช้งบเสริมมากกว่า 13.9 ล้านล้านเยนที่เคยอนุมัติในปีงบประมาณ 2024

ในด้านการช่วยเหลือค่าครองชีพ มาตรการนี้จะครอบคลุมเงินอุดหนุน ก่อนยกเลิกภาษีน้ำมันชั่วคราวของประเทศ การช่วยเหลือค่าไฟและค่าน้ำมันก๊าซสำหรับครัวเรือน รวมถึงเงินสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ใช้ปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน นอกจากนี้ ยังจะขยายกองทุนสนับสนุนท้องถิ่นแบบยืดหยุ่น เพื่อให้รัฐบาลท้องถิ่นมีอิสระมากขึ้นในการใช้เงินช่วยเหลือประชาชน

ขณะเดียวกัน นางทาคาอิจิยังผลักดันให้จัดสรรงบช่วยเหลือโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ที่ประสบปัญหาทางการเงิน โดยไม่ต้องรอการปรับขึ้นค่าบริการทางการแพทย์ ที่จะมีผลในปีงบประมาณ 2026 ขณะที่ ในด้านการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจะมุ่งลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เซมิคอนดักเตอร์ และพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน รวมถึงวางแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมต่อเรือ ซึ่งญี่ปุ่นร่วมมือกับสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเรือที่ผลิตได้เป็น 2 เท่าภายในปี 2035 ทั้งนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ได้เสนอให้ตั้งกองทุนภาครัฐมูล่าประมาณ 1 ล้านล้านเยน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าว

สำหรับงบด้านการป้องกันประเทศ นางทาคาอิจิประกาศในสุนทรพจน์นโยบายเมื่อเดือนต.ค.ว่า ตั้งเป้าจะเพิ่มงบกลาโหมให้แตะ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้ในปี 2027 โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเสริมมากกว่า 1 ล้านล้านเยน

ด้านโคยะ มิยามาเอะ (Koya Miyamae) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก SMBC Nikko Securities ระบุว่า “สิ่งสำคัญไม่ใช่ขนาดของงบประมาณ แต่คือ การใช้เงินเพื่อยกระดับปัจจัยด้านอุปทาน เช่น การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน” พร้อมเตือนว่ามาตรการกระตุ้นอุปสงค์อาจยิ่งซ้ำเติมแรงกดดันเงินเฟ้อ โดยทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ยังไม่ชี้แจงชัดเจนถึงแหล่งเงินทุน ขณะที่ มิโนรุ คิอุจิ (Minoru Kiuchi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ระบุว่า อาจต้องออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติม โดยกล่าวว่า “ตราบใดที่ความน่าเชื่อถือทางการคลังของเรายังมั่นคง เราสามารถใช้วิธีใดก็ได้ที่จำเป็น”

ทั้งนี้ รัฐบาลกลางและท้องถิ่นของญี่ปุ่น คาดว่าจะมีดุลงบประมาณเบื้องต้น รวม 3.6 ล้านล้านเยนในปีงบประมาณ 2026 แต่การใช้จ่ายงบเสริมครั้งใหม่นี้ อาจทำให้ส่วนเกินดังกล่าวหมดลง เนื่องจากการเบิกจ่ายมักต่อเนื่องข้ามปีงบประมาณ 


ที่มา: Nikkei, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย