ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอังกฤษ ประกาศงบประมาณประจำปี วานนี้ (26 พ.ย.) จ่อปรับขึ้นภาษีครั้งใหญ่จากกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยกลุ่มคนทำงาน ผู้ที่มีเงินออมสำหรับบำนาญ และกลุ่มนักลงทุน เพื่อเสริมเป้าหมายที่มุ่งลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล
รายงานผลการวิเคราะห์งบประมาณ โดยสำนักงานรับผิดชอบด้านงบประมาณของอังกฤษ (OBR) ที่เผยแพร่ออกมาก่อนกำหนด ก่อนที่รีฟส์จะเริ่มแถลงนโยบายด้านภาษีและการใช้จ่ายต่อรัฐสภา ระบุว่า รายได้จากการขึ้นภาษีรวมทั้งปี คาดว่าจะอยู่ที่ 26,100 ล้านปอนด์ (34,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนภาษีต่อ GDP ของอังกฤษ เพิ่มขึ้นเป็น 38.3% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจ สูงสุดหลังยุคสงครามโลก แม้จะยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของยูโรโซนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 41% ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ OBR ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปีข้างหน้า ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเคยให้คำมั่นกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วว่า จะเร่งฟื้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่จากนโยบายดังกล่าว OBR ระบุว่า จะทำให้รัฐบาลจะมีเงินสำรองเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการคลังเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่าสองเท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดในการประเมินความเสี่ยงด้านการกู้ยืมของอังกฤษ
เมื่อปีที่แล้ว รีฟส์ได้สั่งให้ขึ้นภาษี 40,000 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการขึ้นภาษีครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 และให้สัญญาว่าจะขึ้นแค่ครั้งเดียว แม้แต่รีฟส์เองยังยอมรับจะต้องเผชิญกับแรงต้านอีกแน่นอน แต่ก็ยังไม่เห็นทางเลือกอื่นที่น่าเชื่อถือ หรือยุติธรรมมากไปกว่านี้
การปรับลดคาดการณ์การเติบโต
ผลสำรวจความคิดเห็นเผยว่า การยกเลิกสวัสดิการสำหรับครอบครัวที่รายได้น้อยและมีบุตรไม่เกินสองคน แม้จะถูกต่อต้านโดยชาวอังกฤษส่วนใหญ่ แต่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคแรงงาน แม้จะยังไม่ถึงกำหนดการเลือกตั้งระดับชาติ (ครั้งต่อไปคือ ปี 2029) แต่อำนาจของรีฟส์และสตาร์เมอร์ก็ได้ถูกตั้งคำถามภายในพรรคแรงงาน
ขณะที่ สถาบันศึกษาด้านการคลัง (Institute for Fiscal Studies – IFS) ได้เน้นย้ำว่า งบประมาณฉบับนี้มีส่วนเพิ่มการใช้จ่ายในระยะสั้น ขณะที่ผลกระทบส่วนใหญ่จากการขึ้นภาษีจะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง
ทั้งนี้ OBR ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้คาดว่าโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.5% ในช่วงห้าปี ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมี.ค. 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการเติบโตของผลิตภาพที่ต่ำลง ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในอดีต เนื่องจากปัจจัยลบหลายอย่าง รวมไปถึง Brexit
ด้านรีฟส์ให้คำมั่นว่า จะพิสูจน์ให้เห็นว่า OBR คาดการณ์ไว้ผิด “เราชนะคาดการณ์ในปีนี้ และจะต้องชนะอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม OBR คาดว่าผลกระทบจากร่างงบประมาณและแนวโน้มเศรษฐกิจ จะส่งผลให้มาตรฐานการครองชีพของชาวอังกฤษแทบจะไม่มีการเติบโตในปีต่อ ๆ ไป ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น
OBR กล่าวว่า ปริมาณเงินสำรอง สำหรับงบประมาณใช้จ่ายพิเศษหรือเพื่อสนับสนุนการลดภาษีที่รัฐบาลสามารถทำได้ โดยยังรักษาเป้าหมายงบประมาณเอาไว้ได้ อยู่ที่เกือบ 21,700 ล้านปอนด์ในระยะเวลาสี่ปีข้างหน้า ขณะที่เมื่อเดือนมี.ค. OBR คาดการณ์เงินสำรองไว้เพียง 9,900 ล้านปอนด์ ซึ่งถูกใช้ไปแล้วเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง, ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงกว่าที่คาด และการปฏิรูปนโยบายสวัสดิการในเดือนก.ค.
ที่มา: Reuters, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

