นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UN) กล่าวในการแถลงข่าว หลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนที่พักและศูนย์รับรองผู้ลี้ภัยที่กรุงตริโปลีของลิเบียเป็นเวลา 2 วันว่า “ตัวเลขของผู้อพยพเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งไม่เป็นเรื่องดี โดยตัวเลขของผู้อพยพได้พุ่งขึ้นแตะ 68.5 ล้านคนทั่วโลก เนื่องจากความขัดแย้ง ความรุนแรง และสงครามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนบีบบังคับให้ผู้คนต้องหาทางหลบหนีออกจากประเทศของตัวเอง”
นายกรันดีเปิดเผยว่า 58% ของผู้อพยพนั้น มาจากประเทศที่ยากจนและประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่ตัวเลขของผู้ที่ลี้ภัยเข้ามาในยุโรปช่วงครึ่งปีแรกลดจำนวนลง
“ประเทศที่รับผู้อพยพเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ควรได้รับความช่วยเหลือและความร่วมมือในการช่วยแบ่งเบาภาระจากประชาคมโลก”
นายกรันดีกล่าว พร้อมระบุอีกด้วยว่า การปิดเขตชายแดนและท่าเรือ “ไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาผู้อพยพล้นทะลักอย่างแท้จริง”