BF Economic Research
หลังจากที่ ปธน.สหรัฐฯ ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า 25% กับสินค้านำเข้ามูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่ม High-tech) เริ่มวันที่ 6 ก.ค. และในระยะที่สองจะปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้ามูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (กลุ่มเคมีภัณฑ์และรถยนต์) ในอีกสองสัปดาห์ โดยที่สหรัฐฯ ได้ให้เหตุผลต่อการปรับขึ้นภาษีเนื่องจาก เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่จีนจะได้เปรียบด้าน Technology Transfer สืบเนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลจีน (Made in China “2025”) นั้น
ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของจีนที่ตอบโต้กลับด้วยมาตรการที่ใกล้เคียงกัน โดยสหรัฐฯ ได้ให้เหตุผลว่า “ เป็นการตอบโต้ที่ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์ทางการค้าระหว่างประเทศ”
ในวันนี้ (11 ก.ค.) ปธน.สหรัฐฯ จึงได้ตัดสินใจตอบโต้กลับด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้า 10% กับสินค้านำเข้ามูลค่า 2.0 แสนล้านดอลลาร์ฯกับจีน โดยใช้อำนาจภายใต้ Section 301 ใต้พรบ.การค้า 1974 โดยทางสำนักงานผู้แทนการค้า (USTR) จะเปิดเผยรายละเอียดต่อไป แต่เบื้องต้นตามเนื้อข่าวมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มสินค้าที่จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้คือผลิตภัณฑ์อาหาร ,ยาสูบ, ถ่านหิน เคมีภัณฑ์, ยางล้อ, อาหารสุนัขและแมว, และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
อนึ่ง มาตรา 301 (Section 301) ในพระราชบัญญัติการค้าปี 2517 (Trade Act of 1974) ซึ่งว่าด้วยการปกป้องและรักษาผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ เดิมมาตรา 301 ให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในการดำเนินมาตรการตอบโต้ประเทศคู่ค้าที่ปฏิบัติหรือดำเนินการทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม (Unfair Treatment) ต่อสหรัฐฯ อันส่งผลกระทบทางลบต่อการส่งออกของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้นำมาตรานี้ไต่สวนตอบโต้ทางการค้ากับจีนและประเทศอื่นๆอย่างกว้างขวาง