BF Economic Research

IMF ออกประมาณการเศรษฐกิจปี 2018-2019 ประจำไตรมาส 3/2018 โดยภาพรวมไม่ต่างจากประมาณการก่อนหน้า แต่การขยายตัวเริ่มอยู่บนเงื่อนไขของแต่ละภูมิภาค และ IMF ยกประเด็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจขึ้นมาพูดถึงด้วย โดย

• IMF ได้คงประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2018-2019 ไว้ที่ +3.9% YoY จากประมาณการก่อนหน้าในเดือน เม.ย. โดยเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011
• สำหรับเศรษฐกิจรายประเทศ IMF คงประมาณการ GDP ปี 2018-2019 ของสหรัฐฯ ไว้ที่ +2.9% YoY และ +2.7% YoY ตามลำดับ และของจีนที่ +6.6% YoY และ +6.4% YoY ตามลำดับ
• สำหรับประเทศที่ IMF ปรับลดประมาณการ GDP ปี 2018-2019 ได้แก่ยูโรโซนลงเป็น +2.2% YoY (จากเดิมที่ 2.4%) และ +1.9% YoY (จากเดิมที่ 2.0%) และปรับลดประมาณการ GDP ปี 2018 ของญี่ปุ่นลงเป็น +1.0% YoY (จากเดิมที่+1.2%) แต่คง GDP ปี 2019 ที่ +0.9% YoY
• ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2019 นั้น IMF ยังคงประมาณการไว้ที่ +3.9% และปรับลดประมาณการเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในกลุ่มประเทศ EM ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลัก

สำหรับปัจจัยที่มีผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจแต่ละประเทศไม่ Broad-based เป็นผลจากเงื่อนไขของ

• ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราเงินเฟ้อ ที่ราคาน้ำมันปรับตัวในช่วง ก.พ.-มิ.ย. ราว +16.0% จากปัจจัยด้านอุปทานที่มีผลมาจากความเคลื่อนไหวทางการเมือง (US คว่ำบาตรอิหร่าน และการลดกำลังการผลิตของประเทศเวเนซูเอลา) ระดับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั้งใน DM และ EM
• สภาพแวดล้อมด้านการเงินยังคงผ่อนคลายในกลุ่ม DM ธนาคารกลางสหรัฐฯ ค่อยปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างช้าๆ ด้านธนาคารกลางยุโรปประกาศปรับลดปริมาณเข้าซื้อพันธบัตรจาก 3 หมื่นล้านยูโร เป็น 1.5 หมื่นล้านยูโร เริ่มเดือนต.ค. อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯค่อยๆ ปรับขึ้นและทดสอบ 3.0% เป็นระยะๆ
• ด้านประเทศในกลุ่ม EM เช่น อาเจนตินา อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก และตุรกี ทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น จากแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีผลให้เกิดเงินทุนไหลออกจากประเทศกลุ่มนี้ เมื่อ USD ปรับแข็งค่าขึ้น
• สำหรับความเสี่ยงในระยะข้างหน้าต่อเศรษฐกิจโลกประกอบด้วย ทิศทางนโยบายการเงิน สงครามการค้า และความขัดแย้งทางการเมือง