กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของฟิลิปปินส์จะขยายตัว 6.7% ในปีนี้และปีหน้า ส่วนในระยะกลางเศรษฐกิจยังคงไปได้ดีอยู่
อย่างไรก็ตาม ในระยะใกล้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างมาก ซึ่งหากต้องการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตและความยั่งยืนของเศรษฐกิจ ฝ่ายนโยบายต้องปรับลดแรงกดดันเงินเฟ้อลง พร้อมปรับโครงสร้างให้เกื้อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
Luis E. Breuer หนึ่งในทีมงานของ IMF ที่เดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์ช่วงวันที่ 11-25 ก.ค. ที่ผ่านมา สรุปว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ทำผลงานได้ดี โดยจีดีพีเติบโตได้ 6.7% ในปีที่ผ่านมา และทีมงานคาดว่าการเติบโตจะอยู่ในอัตราเดียวกันนี้ได้ในปีนี้และปีหน้า เป็นผลมาจากการบริโภคและการลงทุนที่เข้มแข็ง รวมถึงการลงทุนของภาครัฐด้วย
ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงกดดันภายนอกต่อค่าเงินเปโซ เนื่องจากจะมีผลกระทบทำให้ต้องเสียภาษีสรรพาสามิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการในประเทศก็ได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5.2% หรือเฉลี่ย 6 เดือนอยู่ที่ 4.3% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเกินดุลเพิ่มขึ้น 1.5% ของจีดีพี สิ้นปีนี้ เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทำสถิติ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อสิ้นปี 2017 ส่วนปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง