เพิ่มรายได้ง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน

เพิ่มรายได้ง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน

เพิ่มรายได้ง่ายๆ ฉบับมนุษย์เงินเดือน

โดย…พริ้มพัชร จิรบวรพงศา AFPTTM

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน

BF Knowledge Center

หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดตลกร้ายเกี่ยวกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ว่า “ห้ามป่วย ห้ามพัก” หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดตลกร้ายเกี่ยวกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ว่า “ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามสาย ถ้าจะตายกรุณาแจ้งล่วงหน้า” เพราะการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นถูกกำหนดช่วงเวลาในการทำงานที่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถไปไหนต่อไหนได้ตามที่ใจต้องการ พอจะใช้สิทธิพักร้อนไปยาวๆ ก็กังวลว่าตอนกลับมาทำงานจะต้องสะสางงานอีก คิดไปคิดมาก็ยิ่งหดหู่หัวใจ แต่วันนี้อยากให้ลองมองอาชีพมนุษย์เงินเดือนกันในอีกแง่มุมหนึ่ง

การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นมีข้อดีหลายอย่างที่น่าอิจฉาก็คือ เราสามารถทราบรายได้ในแต่ละเดือนทำให้สามารถบริหารจัดการเงินได้ง่ายกว่า แถมบางคนยังได้รับโบนัสทุกสิ้นปีอีกด้วย เงินเดือนจึงเป็นแหล่งเงินได้ที่ใช้เป็นหลักประกันสำคัญให้กับชีวิตได้อย่างดี นอกจากนี้ มนุษย์เงินเดือนยังมีวันลาต่างๆ เช่น ลาพักร้อน ลาป่วย ลากิจ ที่ระบุไว้ชัดเจน สามารถบริหารจัดการได้ แต่ในขณะที่ฟรีแลนซ์  เจ้าของธุรกิจ  อาจต้องรับความเสี่ยงเรื่องรายได้ที่ไม่แน่นอน ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาล และไม่มีวันลา เพราะการทำงานในแต่ละวันคือการสร้างรายได้

อย่างไรก็ตาม การมีแหล่งรายได้หลักจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการสร้างแหล่งรายได้อื่นๆ เพิ่มเติม แต่กลับเป็นโอกาสที่ดีเพราะมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มีวันหยุดที่แน่นอนคือ เสาร์ – อาทิตย์ จึงเป็นโอกาสที่ดีของคนที่สามารถจัดสรรเวลาและเริ่มต้นลงมือทำ ซึ่งแน่นอนว่า คนส่วนใหญ่เมื่อคิดถึงอาชีพเสริมก็นึกถึง “การเอาของมาขาย” โดยช่องทางที่เลือกใช้มากที่สุดก็คือ ออนไลน์ เนื่องจากไม่มีต้นทุนหน้าร้านและสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมากในยุคดิจิทัล

ทางเลือกในการสร้างรายได้สำหรับมนุษย์เงินเดือนแบบไม่ต้องลาออกจากงาน หรือที่เรียกว่า อาชีพเสริม (Second Source of Income) หลายคนบอกว่า “ทำไม่ได้หรอก…ฉันขายของไม่เป็น!!!” ในความเป็นจริงอาชีพเสริมไม่ได้มีแค่ “การเอาของมาขาย” เท่านั้น แต่ยังมีวิธีการอื่นๆ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราโดยที่เราเองอาจลืมนึกถึง ลองมาดูกันว่ามีวิธีการใดที่น่าสนใจบ้าง

  1. มีของต้องผลัดกันชม เปิดหัวข้อนี้มาหลายคนคงร้องอ้าว!! ก็บอกแล้วไงว่า “ฉันขายของไม่เป็น” แต่เดี๋ยวก่อน เราอยากให้ลองพิจารณากันดูอีกทีว่าที่คิดว่าขายของไม่เป็นนั้น เป็นเพราะเราจำกัดความคิดของเราไว้ว่า ขายของ = การซื้อของใหม่มาขาย ใช่หรือเปล่า? นั่นหมายความว่า เรามีต้นทุนในการซื้อของเพื่อมาขายต่อ  จึงทำให้เกิดความกังวลว่าถ้าหากขายไม่ได้จะต้องขาดทุน ซึ่งความกังวลนี้เองเป็นที่มาของคำว่า “ฉันขายของไม่เป็น (ฉันกลัวขายไม่ได้ และต้องขาดทุน)” แต่สิ่งที่จะมานำเสนอในวันนี้คือ ขายของที่ไม่ใช้แล้ว หมายความว่า ฉันจะเปลี่ยนของที่ฉันชอบ (แน่ล่ะ!! ไม่ชอบคงไม่ซื้อมา) แต่ไม่ได้ใช้แล้วให้เปลี่ยนกลับมาเป็นเงิน ขายได้ก็ได้เงิน ขายไม่ได้ก็อยู่ในตู้ต่อไป ไม่มีต้นทุนที่ต้องเสียเพิ่ม มีของดีก็ต้องผลัดกันชม เชื่อเถอะว่าพูดง่ายขายคล่องเพราะเป็นการขายในสิ่งที่เราชอบ เรารัก ไม่เชื่อก็ลองดูสิ
  2. ฟรีแลนเซอร์เป็นง่ายแค่มีทักษะ นำทักษะที่มีมาสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดรายได้ เช่น บางคนชอบประดิษฐ์ก็ทำสินค้า Handmade บางคนชำนาญภาษาต่างประเทศก็ไปรับจ้างเป็นมัคคุเทศก์ ล่าม แปลเอกสาร บางคนเชี่ยวชาญงานกราฟฟิก ก็อาจทำสติ๊กเกอร์ Line บางคนชอบถ่ายรูปก็รับจ้างถ่ายรูป บางคนชอบออกกำลังกายก็พัฒนาตัวเองไปเป็นเทรนเนอร์ บางคนชอบทำขนมก็ทำขนมขาย เป็นต้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถนำมาเป็นอาชีพเสริมได้อย่างสบายๆ เพราะเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องค้นหาตัวเองให้ได้ว่ามีทักษะด้านใดที่สามารถสร้างเงินได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างรายได้จาก “สิ่งที่เราเป็น” ได้ไม่ยาก
  3. อินฟลูเอนเซอร์ใครๆ ก็เป็นได้ เมื่อกล่าวถึง อินฟลูเอนเซอร์ หรือ KOL (Key Opinion Leaders) คนส่วนใหญ่มักนึกถึงดารา เช่น สู่ขวัญ บูลกุล หรือ ชมพู่ อารยา แต่ในความจริงแล้วอินฟลูเอนเซอร์อาจเป็นใครก็ได้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สามารถให้คำแนะนำได้อย่างดีและน่าสนใจ โดยสัมพันธ์กับคนอื่นผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเราเองก็สามารถเป็นได้  เช่น  บางคนชอบท่องเที่ยวก็ทำคลิปวิดีโอแนะนำเส้นทางการท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาเผยแพร่ใน facebook บางคนชอบเครื่องสำอางก็ทำรีวิวทดลองใช้ ให้คำแนะนำในผลิตภัณฑ์ รวมถึงแหล่งช้อปที่น่าสนใจ เป็นต้น เหล่านี้เองจะเป็นช่องทางในการสร้างรายได้เสริมให้กับเราได้ โดยทุกคนสามารถทำได้ขอแค่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ รู้ว่าเรารักอะไร? มีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์  และมีความอดทนมากพอที่จะสร้างฐานผู้ติดตาม (Follower)
  4. ลงทุนกันเถิดจะเกิดผล มาถึงตอนนี้ถ้าจะไม่กล่าวถึงเรื่องการลงทุนก็คงไม่ได้ เพราะการลงทุนเป็นการสร้างโอกาสในการที่จะทำให้เงินงอกเงยเพื่อสร้าง Passive Income  (Passive Income แปลง่ายๆ ว่านั่งอยู่เฉยๆ เงินก็ไหลเข้ามาเอง) ซึ่งเป็นวิธีที่เศรษฐีทุกคนรู้จักเพราะอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังกล่าวว่า อย่าพึ่งพารายได้จากแหล่งเดียว จงลงทุนเพื่อสร้างรายได้สำรอง (Never depend on single income. Make investments to create a second source.) โดยทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับนุษย์เงินเดือนก็คงหนีไม่พ้นการลงทุนในกองทุนรวม เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการบริหารจัดการหรือติดตามข่าวสารการลงทุนด้วยตัวเองตลอดเวลา เริ่มต้นใช้เงินลงทุนไม่มาก แถมกำไรที่ได้รับจากการลงทุนก็ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยทางเลือกในการลงทุนก็มีหลากหลาย ทั้งกองทุนรวมแบบกำหนดระยะเวลา  กองทุนเปิดเพื่อการลงทุนทั่วไป และกองทุนรวมลดหย่อนภาษี ซึ่งอยากแนะนำให้ทุกคนลองให้เวลาเรียนรู้ก็จะสามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจ

การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น ไม่จำเป็นต้องจำกัดตัวเองให้มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว เราสามารถใช้ทักษะ งานอดิเรก ความชอบ ความคิดสร้างสรรค์ที่มีกันอยู่แล้ว เพิ่มเติมด้วยการหมั่นหาความรู้ในการพัฒนาตัวเอง การจัดสรรเวลาว่าง และการใช้ช่องทางออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ จุดเริ่มต้นเล็กๆ จากสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราชอบทั้งหมดนี้  สามารถนำมาสร้างรายได้เสริม รวมถึง Passive Income ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขอเพียงแค่ค้นหาตัวเองและลงมือทำทุกอย่างก็สามารถเป็นจริงได้