กองทุนสำรองเลี้ยงชีพกับการลาออก

โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP^®

ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน

BF Knowledge Center

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ และมีแผนเตรียมตัวลาออกจากงาน ก่อนอื่นต้องดูอายุงานที่เราทำงานก่อน ว่าเราทำงานมาแล้วกี่ปี เพราะโดยทั่วไป หากลาออกโดยมีอายุงานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป (ถึงแม้อายุสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะไม่ครบ 5 ปี) ก็สามารถใช้สิทธิแยกยื่นภาษีได้ ในกรณีที่ต้องการนำเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาใช้

อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ ดูเงื่อนไขของบริษัทว่าอายุงานเท่าไหร่ ถึงจะได้รับเงินสมทบจากนายจ้าง เช่น ทำงานครบ 3 ปี ได้เงินสมทบ 50% ทำงานครบ 5 ปี ได้เงินสมทบ 100% ซึ่งในส่วนนี้แต่บริษัทจะแตกต่างกัน

ในกรณีที่อายุงานไม่ถึง 5 ปี แต่อยากลาออกแล้วนั้น  หากไม่ต้องการใช้เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ต้องการสะสมเพื่อใช้ในยามเกษียณ  ซึ่งกองทุนนี้มีวัตถุประสงค์แบบนั้น) จะต้องดูก่อนว่าบริษัทใหม่ที่เราจะไปร่วมทำงานด้วย มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือไม่

ถ้ามี เราก็สามารถขอคงเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก่อน เพราะบริษัทใหม่ที่เราจะไปร่วมงาน ส่วนใหญ่จะต้องมีระยะเวลาทดลองงาน ซึ่งในช่วงนั้นจะไม่ส่งเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ เราจึงต้องขอคงเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เดิมเอาไว้ โดยมีค่าธรรมเนียมคงเงิน 500 บาทต่อปี

เมื่อผ่านช่วงทดลองงานแล้ว เราก็สามารถขอโอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งหมด ไปเข้าที่ใหม่ได้ ซึ่งวิธีนี้ สามารถทำได้ทั้งในกรณีอายุงาน ถึง หรือ ไม่ถึง 5 ปี (ไม่ต้องการนำเงินออกมาใช้)

ในกรณีที่บริษัทใหม่ ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น ขอแนะนำว่าไม่ต้องย้ายไปบริษัทนั้น ให้หาบริษัทใหม่ทำจะดีกว่า เพราะจะได้ทำให้เรามีเงินเก็บสำหรับเกษียณ และเงินที่เราสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย ในส่วนของเงินสะสม สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดว่า อย่างไรก็ต้องไปบริษัทนั้นให้ได้ อยากทำงานที่นั่นมาก ก็มีวิธีให้เลือก โดย

วิธีแรก ถามบริษัทเดิมที่ทำงานอยู่ว่า สามารถทำเรื่องโอนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เข้ากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่มีไว้เพื่อรับโอนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือไม่ ถ้ามี ก็ทำการโอนเข้าไป ซึ่งเงินในส่วนนี้จะถือว่าเป็นเงินลงทุนต่อเนื่องสำหรับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิมที่มี แต่ถ้าไม่สามารถโอนได้ เนื่องจากไม่มีนโยบาย ก็เลือกวิธีต่อไป

วิธีที่ 2 คือ ขอคงเงินได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมคงเงินปีละ 500 บาท ไปเรื่อยๆ ซึ่งวิธีนี้ต้องดูว่าคุ้มค่าในระยะยาวหรือไม่ หากในอนาคตบริษัทใหม่ไม่มีแนวโน้มจะจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  อาจเลือก วิธีที่ 3 คือ ลาออกจากที่ทำงาน พร้อมลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

ทั้งนี้ หากเลือกลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และอายุงานก็ไม่ถึง 5 ปีด้วย จะต้องเสียภาษี โดยเงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกอบด้วยเงิน 4 ส่วนด้วยกัน ส่วนที่ 1 คือเงินสะสม (เงินของเรา) ส่วนที่ 2 คือ ผลประโยชน์เงินสะสม ส่วนที่ 3 คือเงินสมทบ(จากบริษัท) ส่วนที่ 4 คือ ผลประโยชน์เงินสมทบ

ส่วนที่จะต้องนำมาคำนวณเป็นเงินได้ คือส่วนที่ 2 3 และ 4 (ยกเว้นแค่ส่วนที่ 1) ในกรณีที่อายุงานไม่ถึง 5 ปี จะต้องนำเงินทั้ง 3 ส่วน ( ซึ่งบลจ.ที่บริหารกองทุน จะมีหนังสือแจ้ง และโอนเงินให้กับเรา) มารวมเป็นเงินได้มาตรา 40(1) รวมกับเงินเดือน  แล้วก็ต้องคำนวณภาษีตามขั้นบันได

ในกรณีที่อายุงานมากกว่า 5 ปี แล้วลาออกจากงาน ลาออกจากกองทุน จะสามารถใช้สิทธิแยกยื่นได้ โดยเงิน 4 ส่วน จะนำเพียงส่วนที่ 2 3 และ 4 มาคำนวณเป็นเงินได้ต่างหาก และมีสูตรคำนวณ โดยใช้ 7,000 คูณ อายุงาน

เช่น 5 ปี เท่ากับ 7,000 x 5 = 35,000 บาท หากเงินได้ส่วนที่ 2 3 และ 4 ที่เราได้รับมามีจำนวน 200,000 บาท เท่ากับ เอา 200,000 – 35,000 บาท คงเหลือ 165,000 บาท หลังจากนั้น สามารถนำมาลดหย่อนได้อีก 50% เท่ากับเหลือเงินได้มาคำนวณภาษีเท่ากับ 165,000 / 2 = 82,500 บาท ซึ่งจะเสียภาษีในอัตรา 5% หรือเสียภาษีจำนวน 4,125 บาท (300,000 บาทแรก เสียภาษี 5% ไม่มีการยกเว้น 150,000 บาทแรก)

ทั้งนี้ หากลาออกจากกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปแล้ว ต้องการให้มีเงินไว้ใช้ในตอนเกษียณ แนะนำให้นำไปลงทุนต่อ หากไม่สามารถโอนย้ายได้ แล้วลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาแล้ว ก็ลองพิจารณากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นทางเลือก เพราะมีหลากหลายนโยบายลงทุนให้เลือก ไม่จำเป็นต้องเลือกลงทุนเพียงกองทุนใดกองทุนหนึ่ง สามารถจัดสรรการลงทุนหลากหลายกองทุนได้ แต่ที่สำคัญคือ ไม่ควรลงทุนเกินสิทธิ 15% ของเงินได้ทั้งปี หากมีเงินส่วนที่เหลือ แนะนำให้นำไปลงทุนในกองทุนเปิดทั่วไปก่อน

อย่างไรก็ตาม แต่ละคนมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน ถ้าหากบางคนมีภาระหนี้แล้วต้องการนำเงินก้อนนี้ไปลดภาระหนี้ ก็สามารถทำได้ แต่อย่าลืมว่า เงินที่ต้องใช้หลังเกษียณนั้นก็มีความสำคัญและจำเป็น หากนำไปใช้หมดแล้ว ก็อย่าลืมต้องรีบลงทุนเพื่อให้มีเงินใช้หลังเกษียณด้วย