จัดพอร์ตลงทุนไม่ใช่เรื่องยาก
โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน
BF Knowledge Center
การลงทุนสำหรับแต่ละคนนั้นอาจจะมีเป้าหมายต่างๆ ที่แตกต่างกันไป แต่อย่างหนึ่งที่ต้องมีคือการเก็บออม และลงทุนเพื่อรองรับวัยเกษียณ โดยเราเกิดมาเริ่มจากเป็นเด็กที่เรียนจนจบมหาวิทยาลัย อายุ 20 ปี ถือเป็นช่วงแรกของชีวิตที่ส่วนใหญ่ก็จะใช้จ่ายเงินที่พ่อแม่ ผู้ปกครองให้มา จากนั้นเราก็ทำงานแล้ว ซึ่งก็คือช่วงอายุ 20-60 ปี รวมแล้วเรามีเวลาทำงาน 40 ปี นี่คือช่วงเวลาของการหาเงิน แต่หลังจาก 60 ปีไปแล้วถ้าเกษียณ ไม่ได้ทำงาน นั่นเป็นช่วงเวลาที่เราต้องใช้เงินจริงๆ ซึ่งช่วงเวลานี้นานขึ้นเรื่อยๆ จากอายุเฉลี่ยคนที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยสมมติว่าถ้าอายุยืนยาวไปถึง 80-90 ปี คำถามคือเราจะนำเงินช่วงไหนมาดูแลตัวเอง ดังนั้นช่วงที่ทำงานเก็บเงินจึงเป็นช่วงสำคัญ สำหรับการเก็บออมเพื่ออนาคต
อย่างไรก็ดี การลงทุนของแต่ละคนนั้น มีความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป ถ้าแบ่งตามทั่วไป ใช้อายุเป็นเกณฑ์ คนที่อายุน้อย เพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ มีเวลาทำงานอีกหลายปีกว่าจะเกษียณ ก็สามารถลงทุนอะไรที่มีความเสี่ยงได้ เช่น หุ้น เพราะระยะเวลานานพอจะรองรับความผันผวนของหุ้นได้ เพราะเวลายาวเราเชื่อว่าหุ้นจะขึ้น
ตัวอย่างคือ ถ้าจะเก็บออมเดือนละ 3,000 บาท รวมฟแล้วปีละ 36,000 บาท หากเก็บออม 10 ปี ด้วยการฝากเงินไว้กับบัญชีออมทรัพย์ของธนาคาร ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี จะจบ 10 ปีด้วยฟการมีเงิน 368,680 บาท แต่หากไปมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น ลงทุนในหุ้น หรือกองทุนหุ้น ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เก็บแบบเดียวกันแต่ผลตอบแทนจะต่างกัน จะจบที่ กว่า 500,000 บาท
ทั้งนี้ เมื่ออายุมากขึ้น เวลาของการทำงานน้อยลง ก็ควรลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ เช่น อายุการทำงานเหลือแค่ 20 ปี ก็ไม่ควรมีหุ้นเท่ากับเมื่อตอนช่วงเริ่มต้นทำงาน เพราะถ้าเกิดมีสถานการณ์อะไรที่กระทบกับหุ้นขึ้นมา โอกาสในการแก้ตัวด้านผลตอบแทนก็จะน้อยลง
ขณะที่ กองทุนบัวหลวงนั้นมีการจัดพอร์ตโดยแบ่งตามช่วงอายุ หรือที่เรียกว่า Life Path เอาไว้เพื่อแนะนำนักลงทุน โดยจะคิดแบบหลักการทั่วไป ถ้าอายุน้อยรับความเสี่ยงได้มาก อายุวัยกลางคนก็รับความเสี่ยงได้ปานกลางและค่อนข้างต่ำลงไปเรื่อยๆ เมื่อใกล้เกษียณ โดยการปรับพอร์ตดูที่หุ้นเป็นหลัก ช่วงเริ่มต้นมีหุ้นมากหน่อยแล้วค่อยๆ ลดสัดส่วนหุ้นให้น้อยลงเรื่อยๆ พอช่วงท้ายใกล้เกษียณก็จะเหลือหุ้นไม่มากนัก หากทำเช่นนี้ตลอดเวลาจะทำให้พอร์ตไม่มีความเสี่ยงมากเกินไป และมีโอกาสแสวงหาผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสมกับเงื่อนไขและข้อจำกัดของช่วงวัยของเรา
ทั้งนี้ กองทุนรวมเหมาะกับการจัดพอร์ต เพราะกองทุนรวมสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นในประเทศ หุ้นต่างประเทศ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนทางเลือก เช่น ทองคำ ก็สามารถทำผ่านกองทุนรวมได้ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็สามารถดูยอดรวมว่าสัดส่วนเป็นเท่าไหร่ แล้วก็ปรับสัดส่วนได้ด้วยการขายหน่วยลงทุน ที่สำคัญไม่ต้องมาหาหุ้นเอง ดูเอง ให้มืออาชีพจัดการให้