เดอะ สเตรทไทม์ส รายงานว่า Heng Swee Keat รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสิงคโปร์ ออกมาระบุว่า สิงคโปร์ จะลงทุน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในด้านการวิจัยอาหาร ยา และเทคโนโลยีดิจิทัล เนื่องจากมองว่ากลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอนาคตที่จะทำให้สิงคโปร์สามารถรักษาขีดความสามารถแข่งขันในระยะยาวได้ แต่เป้าหมายของการทำวิจัยจะไม่ใช่งานวิจัยทั่วไป จึงใช้เวลานานกว่าจะเกิดผล
Heng กล่าวระหว่างการประกาศแผนงานวิจัย นวัตกรรม และองค์กร ปี 2020 สำหรับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า จะใช้เงินมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และตอบโจทย์ด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของชาติ โดยเงินก้อนนี้ยังถูกใช้เพื่อขับเคลื่อนขีดความสามารถด้านซุปเปอร์คอมพิวติ้ง รวมถึงสนับสนุนการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติด้วย
ขณะที่ เงินลงทุนอีก 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการผลิตเซลล์สำหรับการบำบัดรักษาด้วยเซลล์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นอนาคตทางการแพทย์ ส่วนเงินลงทุน 144 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะใช้เพื่อการวิจัยอาหาร ซึ่งครอบคลุมการทำฟาร์มในเมืองและเนื้อสัตว์ทดลอง
ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวว่า ความสำเร็จด้านการวิจัยของสิงคโปร์จะเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือ การเน้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสังคม การพัฒนาผู้ที่มีความสามารถด้านการวิจัยและผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศกับต่างประเทศรวมถึงสถาบันต่างๆ