โดย…ศรศักดิ์ สร้อยแสงจันทร์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน
BF Knowledge Center
ปัจจุบันหลายประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยที่มีสัดส่วนและจำนวนคนสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การสหประชาชาติประมาณการไว้ว่าในปี 2030 โลกจะมีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นจาก 8.5% หรือ 600 ล้านคน เป็น 13% หรือ 1 พันล้านคน เฉพาะทวีปอเมริกาเหนือจะมีสัดส่วนผู้สูงวัยถึง 30% ในปี 2050 และจีนจะมีเกือบ 200 ล้านคนในปี 2026 ความต้องการด้านการรักษาโรคและดูแลสุขภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะเดียวกันประเทศกำลังพัฒนาที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เช่น จีน อินเดีย และกลุ่มอาเซียน ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น ก่อให้เกิดชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เกิดการพัฒนาเข้าสู่สังคมเมืองและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต จึงต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ต้องการใช้สินค้าบริการที่ดีขึ้น รวมทั้งด้านสุขภาพ ประกอบกับรัฐบาลของประเทศเหล่านั้นได้พัฒนาระบบสาธารณสุขและระบบประกันสุขภาพขึ้นมารองรับ จึงเป็นที่มาของอุปสงค์ด้านยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
ทางด้านผู้ผลิต ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีตัวยาที่ผ่านการวิจัยและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เพิ่มสูงขึ้นมาก เช่น ยารักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ยารักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและระบบหมุนเวียนโลหิตจากโคเรสเตอรอล ซึ่งมีแนวโน้มจะทำกำไรให้บริษัทผู้คิดค้นอย่างก้าวกระโดดในอีกหลายปีข้างหน้า และยังมีตัวยาอีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและรอการอนุมัติจาก FDA กว่า 7000 รายการ เช่น ยารักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคติดเชื้อ โรคระบบประสาท และโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด
นวัตกรรมด้านชีวเภสัชกรรม (Biopharmaceuticals) ที่ยังอยูในระยะเริ่มต้น การถอดรหัสพันธุกรรม (Genomic Sequencing) ซึ่งสามารถลดต้นทุนจาก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง เหลือ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มโอกาสในการนำนวัตกรรมไปใช้อย่างแพร่หลาย เช่น การรักษามะเร็งด้วยยาสร้างภูมิคุ้มกันบำบัด (Immune Oncology) การปลูกถ่ายอวัยวะ และวิธีรักษาโรคอัลไซเมอร์ที่ก้าวหน้า ทำให้บริษัทที่มีฐานงานวิจัยและคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ล้ำหน้าสามารถเป็นผู้กำหนดราคายาที่มีระดับ Premium สูง
กองทุนบัวหลวงได้มองเห็นทิศทางของเมกะเทรนด์ด้านนี้ จึงจัดตั้งกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) ขึ้นในเดือน ส.ค. 2007 ถือเป็นกองทุนที่ลงทุนในอุตสาหกรรม Healthcare กองแรกของประเทศไทย โดยลงทุนในกองทุน Wellington Global Health Care Equity Portfolio ซึ่งมีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวในหุ้นกลุ่ม Healthcare ทั่วโลก บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปี และทีมงานนักวิจัยที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Healthcare โดยเฉพาะ
นักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อเป็นเงินออมยามเกษียณและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี สามารถลงทุนในกองทุนบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCARE RMF) ซึ่งลงทุนในกองทุนหลักกองเดียวกันได้