B-SENIOR เน้นลงทุนตราสารหนี้ แต่ไม่ทิ้งโอกาสเพิ่มผลตอบแทน

จุดเด่นของ B-SENIOR

  • ช่วยผู้ลงทุนลดภาระการบริหารเงินก้อนในวัยเกษียณ ผู้ลงทุนสามารถวางแผนไถ่ถอนเงินจาก B-SENIOR ให้พอเหมาะกับการใช้จ่ายในแต่ละช่วงได้ โดยแจ้งความประสงค์ขายคืนหน่วยลงทุนล่วงหน้าเป็นรายเดือน
  • เน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก แต่ยังแสวงหาโอกาสเพิ่มผลตอบแทน ผ่านการลงทุนในหุ้นและ/หรือสินทรัพย์อื่นๆ ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสมกับนักลงทุนวัยเกษียณ
  • มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ และยังได้โอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอ แม้ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน เพราะกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ บริหารงานโดยมืออาชีพ และกำไรจากการซื้อขายหน่วยลงทุนยังไม่ต้องเสียภาษี

มุมมองต่อกองทุน

กองทุนบัวหลวงตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลรักษา “เงินต้น” เพื่อใช้จ่ายในวัยเกษียณ แต่ในอีกมุมหนึ่ง การพักเงินไว้ใน “ตราสารหนี้” เพียงประเภทเดียว กลับเสียโอกาสลงทุนในตราสารประเภทอื่นๆ ที่สำคัญก็คือ ผลตอบแทนที่ได้รับอาจไม่ชนะอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน

B-SENIOR จึงเกิดขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดูแลและจัดสัดส่วนลงทุนต่างๆ ให้เหมาะสม แต่ยังเน้นความมั่นคงของตราสารที่ลงทุน โดยกำหนดให้ลงทุนใน “ตราสารหนี้” เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกิน 70 % ของ NAV พร้อมกับจัดสรรเงินในสัดส่วนที่เหมาะสม ไปลงทุนในตราสารอื่นๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยขึ้น ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมในแต่ช่วงเวลา อาทิ ตราสารทุนในประเทศ หรือหน่วยลงทุนกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทรัสต์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนทองคำ เป็นต้น ทั้งนี้กำหนดให้ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 15% ของ NAV

นอกจากนี้ B-SENIOR ยังมีบริการให้ผู้ถือหน่วยลงทุนแจ้งความประสงค์ขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นรายเดือน ในปริมาณที่เหมาะต่อการใช้จ่าย จึงไม่ต้องกังวลคอยจัดสัดส่วนเงินลงทุนด้วยตนเองให้ยุ่งยากต่อไป

พิจารณาลงทุนในหุ้นเป็นรายอุตสาหกรรม

หุ้นกลุ่มบริการ (การแพทย์) 1.กลุ่มโรงพยาบาลยังเติบโตต่อเนื่องจากจำนวนผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้เดินทางเข้ามารักษาตัวจากกลุ่มประเทศอาเซียน 2.ค่ารักษาพยาบาลยังเติบโตตามความยากของการรักษา แนวโน้มกำไรของโรงพยาบาลย่อมสูงขึ้น 3.การที่คณะกรรมการประกันสังคมมีมติปรับเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาที่เปิดรับผู้ประกันตน การเพิ่มค่าบริการดังกล่าว จะส่งผลดีกับโรงพยาบาลให้มีรายได้มากขึ้น

หุ้นกลุ่มพลังงาน/สาธารณูปโภค บริษัทในกลุ่มนี้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และถือเงินสดไว้มาก พร้อมทั้งเฟ้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ ตามแนวโน้มการขยายตัวของเมือง และความต้องการของชนชั้นกลางที่เติบโตต่อเนื่อง

หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ในปีนี้ผู้ประกอบธุรกิจอาหารต้องเผชิญความท้าทายหลักๆ จากค่าเงินต่างประเทศที่ผันผวนอย่างหนัก ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในปี 2560 เนื่องจากส่วนใหญ่มีฐานรายได้เป็นสกุลเงินต่างประเทศจากการส่งออกอาหาร นอกจากนี้บางบริษัทยังมีบริษัทย่อยที่มีฐานการผลิตในต่างประเทศด้วย แต่สำหรับระยะยาว ในฐานะที่อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่สักเพียงใด คนก็ต้องบริโภคกันอยู่ดี ประกอบกับเป็นหุ้นกลุ่มที่จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ หุ้นกลุ่มนี้จึงยังน่าสนใจอยู่มาก ส่วนกลุ่มเครื่องดื่มยังเติบโตต่อเนื่องและแข็งแกร่งจากยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น

หุ้นกลุ่มธนาคาร 1.ราคาหุ้นของกลุ่มฟื้นตัวดีต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะราคาลดลงไปมากแล้ว จนมูลค่าของกลุ่มโดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่เริ่มน่าสนใจ อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใสในปีนี้ น่าจะช่วยให้ผลกำไรของกลุ่มเติบโตขึ้น 2.หากการลงทุนภาครัฐเป็นไปตามเป้าหมาย จะช่วยเร่งการปล่อยสินเชื่อให้เร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อกำไรของกลุ่มในวันข้างหน้าต่อไป

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนในปัจจุบัน ซึ่งอาศัยการติดต่อสื่อสารทาง Social  Media และมีใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น   พร้อมทั้งแรงสนับสนุนจากภาครัฐด้วยนโยบาย “เศรษฐกิจดิจิทัล” ส่งผลการใช้บริการด้านข้อมูลเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ส่วนปัจจัยระยะสั้น ได้รับประโยชน์จากต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ หลังจาก กสทช. ประกาศลดต้นทุนเหลือเพียง 4% จากเดิมที่ต้องจ่ายอยู่ 5.25%