สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัทรองเท้าจากสหรัฐ เช่น ไนกี้ และอันเดอร์ อาร์เมอร์ เรียกร้องให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐดึงกลุ่มรองเท้าออกจากรายการสินค้าที่จะปรับขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจากจีน
“เป้าหมายการปรับขึ้นกำแพงภาษีจาก 10% เป็น 25% ในกลุ่มสินค้ารองเท้าจะกลายเป็นหายนะสำหรับลูกค้าของเรา บริษัทของเรา รวมถึงเศรษฐกิจอเมริกันโดยรวมด้วย” กลุ่ม 173 บริษัท ชี้แจงในจดหมายที่ยื่นให้กับรัฐบาลของทรัมป์
ทรัมป์ ปรับขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 10% เป็น 25% ไปแล้วช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นคาดว่าจะทำให้ราคาสินค้ากว่า 1,000 รายการปรับขึ้นด้วย ในจำนวนนี้รวมถึงสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า และทรัมป์ ยังมีแผนจะขยับขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนอีกมูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเขาพบปะกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในเดือนหน้า
“อุตสาหกรรมนี้เสียภาษีประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐทุกปี หากต้นทุนการนำเข้ารองเท้าปรับขึ้นจะส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ซื้อรองเท้า” บริษัท ให้เหตุผลไว้ในแถลงการณ์
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทรองเท้ายื่นจดหมายไปให้รัฐบาลของทรัมป์ ผ่านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายแลร์รี คัดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ
กลุ่มผู้จัดจำหน่ายรองเท้าและผู้ค้าปลีกของอเมริกา (FDRA) คาดการณ์ว่า การปรับขึ้นกำแพงภาษีจะทำให้ต้นทุนของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทุกปี
บริษัท ยังระบุอีกว่า ภาษีนำเข้ารองเท้าเฉลี่ยอยู่ที่ 11.3% โดยอัตราสูงสุดอยู่ที่ 67.5% หากปรับเพิ่มภาษีนำเข้าเป็น 25% จะทำให้กลุ่มที่ต้องเสียภาษีนำเข้าสูงสุดอาจจะเกือบถึง 100% ของราคารองเท้า
ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างวอลมาร์ทออกมาเตือนว่าราคาของสินค้าจะปรับขึ้นจากการที่สหรัฐขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยจะกระทบกับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของบริษัทด้วย