อัพเดทตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทย เมื่อวัดจาก ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) ในเดือน ก.ค. ปรับลดลง -1.01% และเฉพาะในวันที่ 2 ส.ค. 62 ปรับลดลง -0.88% แม้ตั้งแต่ต้นปีปรับขึ้นมา 11.63% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจาก
- Fund Flow ที่ไหลเข้าไทยอย่างเร็วและแรง
- ความคาดหวังรัฐบาลใหม่จะเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
- MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นไทย
ส่วนด้านเงินลงทุนจากต่างประเทศในตลาดหุ้นไทยทั้งปี ซื้อสุทธิที่ 60,703 ล้านบาท
จากปัจจัยกดดันกองทุนหุ้นไทยในช่วงนี้ ในช่วงปรับฐานน่าจะเหมาะกับการทยอยลงทุนสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว
1.เดือน ส.ค. MSCI เพิ่มหุ้นประเทศอื่น กดดันสัดส่วนหุ้นไทยลดลง
แนวโน้ม Fund Flow เดือน ส.ค. 2562 มีโอกาสชะลอตัว จากการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI Emerging Market รอบใหม่ (Rebalance) ในเดือน ส.ค. นี้ แม้รอบนี้คาดว่าไม่มีการปรับหุ้นไทยเข้าออกจากดัชนี แต่สัดส่วนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสลดลง จากการทยอยปรับเพิ่มหุ้นใหม่จากประเทศอื่นๆ และหาก MSCI ไม่ได้มีการปรับลดตลาดหุ้นประเทศใดเป็นพิเศษ จะกดดันสัดส่วนตลาดหุ้นประเทศอื่นรวมถึงไทยให้ลดลง
2.การเจรจาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ได้เสร็จสิ้นลงไปในเดือน ก.ค. และ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศว่าเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10%
กล่าวโดยสรุปก็คือ Trade War ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยที่ยืดเยื้อต่อไปและรอดูการเจรจาในรอบหน้าเดือน ก.ย. 2562 นี้
3.เหตุระเบิดและเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร
จะเป็นเพียงผลกระทบกับ Sentiment ระยะสั้นเท่านั้น โดยแนะนำให้มองที่พื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก
4.เศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย. 2562 ชะลอลงจากเดือนก่อนจากอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ
โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงในเกือบทุกหมวด ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัว และการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวทั้งรายจ่ายประจําและรายจ่ายลงทุน ด้านการส่งออกสินค้า การนําเข้า สินค้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่อง สําหรับภาคการท่องเที่ยวกลับมาขยายตัวเล็กน้อยจาก นักท่องเที่ยวอินเดียเป็นสําคัญ ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนยังหดตัวต่อเนื่อง
5.ระดับมูลค่าหุ้น
อยู่ในช่วงระมัดระวังมากขึ้นโดย ดัชนี SET index ณ วันที่ 31 กค. 2562 ขึ้นมาอยู่ที่ 1,711.97 จุด โดย PE ratio อยู่ที่ 16.4 เท่า เทียบกับ วันที่ 28 ธ.ค. 2561 อยู่ที่ 1,563.88 จุด โดย PE ratio อยู่ที่ 13.5 เท่า
Portfolio Positioning Perspective กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล (BTP) กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-TOPTENRMF) และ กองทุนเปิดบัวหลวงทศพลหุ้นระยะยาว (B-TOPTENLTF)
กลุ่มกองทุนบัวหลวงทศพล Underweight :
พลังงานและสาธารณูปโภค บนพื้นฐานของ บริษัทที่ประกอบธุรกิจปลายน้ำอย่างโรงกลั่นและปิโตรเคมี จะยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และกำลังการผลิตที่ออกใหม่เพิ่มเติม
กลุ่มกองทุนบัวหลวงทศพล Overweight :
พาณิชย์ จากความคาดหวังรัฐบาลใหม่จะเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจราวงวด 4Q62 โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นการบริโภคครัวเรือน พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตามความต้องการในการใช้พื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC วัสดุก่อสร้าง ความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้นตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเหล็ก ปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ และเสาเข็มคอนกรีต