จับตาบาทแข็งค่าไม่หยุด เอกชนโอดกระทบส่งออก

ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า นางสาวกัณญภัค ตันติพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่าได้เข้าหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า จากกรณีที่เงินบาทแข็งค่าหลุด 32.00 บาท/ดอลลาร์ อาจส่งผล กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ อุตสาหกรรมเกษตร อาหาร ซึ่ง 2 กลุ่มนี้มีสัดส่วนประมาณ 17% ของมูลค่าการส่งออกของไทยปี 2560 อยู่ที่ 231,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และใช้วัตถุดิบการผลิตภายในปนะเทศ
 
ด้านนางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วย ผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค 
 
ขณะที่ความผันผวนอยู่ในระดับปานกลาง โดยบางช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินควร ไม่สอดคล้องกับพื้นฐาน เศรษฐกิจ ธปท. ก็ได้เข้าดูแลเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ สะท้อนจากเงินสำรองระหว่างประเทศในปี 2560 ที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งการดูแลที่ผ่านมา ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ไทยได้เปรียบการค้ากับต่างประเทศ หรือเพื่อฝีนทิศทางของตลาด แต่เพื่อให้เวลากับเอกชนในการปรับตัว
 
การแข็งค่าของค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2561 หลัก ๆ มาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเป็นสำคัญ ซึ่งหากดูในแง่เงินทุนไหลเข้าในรูปการลงทุนในหลักทรัพย์ถือว่าเป็นส่วนน้อยที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า
 
สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยวันที่ 12 ม.ค. 2561 เปิดตลาดที่ 31.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 40 เดือน นับตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. 57 ซึ่งแข็งค่าต่อเนื่อง