รายงานข่าวจากซีเอ็นบีซี ระบุว่า ตลาดน้ำมันกำลังได้รับผลกระทบจากอุปทานน้ำมันที่มากเกินไป ขณะที่สหรัฐกำลังผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มจนอาจทำให้อุปทานโลกท่วมท้นได้
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้สหรัฐกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก อย่างไรก็ตามยังคงมีปัญหาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบการขนส่งน้ำมันดิบออกจากแหล่งน้ำมันของเท็กซัสสู่ตลาดโลก
สวนทางกับปัจจุบันที่นับตั้งแต่เดือนนี้ไปการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันในสหรัฐจะเกิดขึ้น ด้วยการเริ่มต้นของโครงการ Plains All American Pipeline’s Cactus II ที่ท่อส่งน้ำมันจะสามารถนำส่งได้ถึง 670,000 บาร์เรลต่อวัน เชื่อมต่อแหล่งผลิตน้ำมัน Permian Basin กับ Corpus Christi รัฐเท็กซัส และจากแหล่งดังกล่าวไปทั่วโลก โดยท่อน้ำมันใหม่ คาดว่า จะสามารถลำเลียงน้ำมันดิบจากเท็กซัสได้มากขึ้นไปยังคาบสมุทรและสามารถส่งออกไปทั่วโลก
สำหรับ สิ่งที่ต้องจับตามองคือ ปัญหาอุปทานล้นตลาด ตอนนี้การจัดหา รวมถึงการผลิตน้ำมันในตลาดโลกทำได้ดี ผนวกกับกำลังผลิตน้ำมันของสหรัฐมากขึ้น จึงช่วยลดราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับสงครามการค้า มีผลกับความต้องการน้ำมันที่ถูกระงับไป
ข้อมูลจากซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า ท่อส่งน้ำมันใหม่สามารถช่วยให้ยอดการส่งออกน้ำมันของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปลายปี และยอดเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีถัดไป จากปัจจุบันที่ยอดการส่งออกน้ำมัน 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งการส่งออกปีนี้เติบโตขึ้นโดยเฉลี่ย 970,00 บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว