BF Economic Research
ธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมในการประชุมเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการประชุมวาระสุดท้ายของ นายมาริโอ ดาร์กี ผู้ว่าการ อีซีบีคนปัจจุบัน ก่อนที่จะลงจากตำแหน่งในเดือน ต.ค. และส่งมองให้ นางคริสทีน ลาการ์ด มารับตำแหน่งแทน โดยที่ประชุมมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบี (Deposit Facility) ลงจาก -0.40% เป็น -0.50% ขณะที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Main Refinancing Operations) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (Marginal Lending Facility) ไว้ตามเดิมที่ 0% และ 0.25% ตามลำดับ
ทั้งนี้ อีซีบีระบุว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลงอีก ‘จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2%’ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากการประชุมรอบก่อนที่ระบุว่า ‘จนกว่าจะถึงกลางปี 2020 เป็นอย่างน้อย’ ส่วนการลดผลกระทบต่อสถาบันการเงินจากอัตราดอกเบี้ยที่ติดลบเป็นเวลานาน อีซีบีได้ประกาศว่าจะใช้ระบบ “Two-tier system” ซึ่งจะยกเว้นเงินสำรองบางส่วนของธนาคารพาณิชย์ที่ฝากไว้กับอีซีบีจากดอกเบี้ยติดลบ
นอกจากนี้ อีซีบีได้ประกาศจะกลับมาซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตามที่ตลาดคาด โดยจะเริ่มเข้าซื้อในเดือน พ.ย. นี้ ที่วงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน และยังไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการ
ในระยะข้างหน้า เราคาดว่า อีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย Deposit Facility Rate ลงเพิ่มเติมเป็น -0.6% ในช่วงเดือน ธ.ค. จากแนวโน้มเงินเฟ้อที่น่าจะยังไม่เร่งตัวเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ได้ในระยะกลาง (เงินเฟ้อล่าสุดเดือน ส.ค. ขยายตัวในระดับต่ำที่ 1.0% YoY) สำหรับโอกาสที่อีซีบีจะเพิ่มอัตราการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่อเดือนมองว่ามีจำกัดจากข้อจำกัดตามกฎหมาย อาทิ การกำหนด Issuer limit ไว้ที่ 33% เป็นต้น