เว็บไซต์ไชน่าทราเวลนิวส์ รายงานว่า บริษัท STR ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิเคราะห์ส่วนแบ่งการตลาดโรงแรมและแบรนด์ชั้นนำในอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เปิดเผยข้อมูลเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาว่า โรงแรมในฮ่องกงทำสถิติมีอัตราเข้าพักต่ำอยู่ในระดับต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา เป็นผลพวงจากการชุมนุมประท้วงที่ดำเนินไปอยู่ต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่เขตปกครองพิเศษแห่งนี้
ทั้งนี้ STR เปิดเผยตัวเลขออกมาว่า ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่จะไปพักในฮ่องกงในเดือน ส.ค. ลดลงไป 28.8% และส่งผลให้อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในฮ่องกงเดือน ส.ค. อยู่ที่ 63.9% นับเป็นระดับต่ำสุดที่เคยทำได้ในประวัติศาสตร์ของฮ่องกง หรือลดลงไปถึง 29.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ฮ่องกงเคยมีอัตราเข้าพักในระดับนี้ คือช่วงที่เกิดวิกฤตโรคซาร์สระบาด ระหว่างเดือน พ.ย. 2002-ก.ค. 2003 และที่น่าเจ็บปวดมากขึ้นไปอีกก็คือ ท่ามกลางความต้องการเข้าพักที่ลดลง โรงแรมก็ยังมีคู่แข่งมากขึ้นด้วย โดยจำนวนห้องพักโรงแรมเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือน ส.ค. ขณะที่ กลางเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา STR เคยคาดการณ์ว่า ไตรมาส 3 นี้ รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก หรือ RevPAR ของโรงแรมในฮ่องกง จะลดลง 19.3%
ไชน่าทราเวลนิวส์ ยังรายงานข้อมูลสนามบินเซินเจิ้น ในจีนด้วยว่า สนามบินเซินเจิ้น ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน รายงานตัวเลขการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งจำนวนผู้โดยสาร และยอดการใช้บริการขนส่งทางอากาศ ตรงกันข้ามกับสนามบินฮ่องกงอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่สนามบิน 2 แห่งนี้ ห่างกันเพียง 37 กิโลเมตรเท่านั้น และข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่เศรษฐกิจฮ่องกงได้รับจากการประท้วงที่เกิดขึ้น โดยเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา สนามบินเซินเจิ้น มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 9.2% ยอดขนส่งทางอากาศเพิ่มขึ้น 7.1%
ก่อนหน้านี้สนามบินเซินเจิ้น ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการบินระดับนานาชาติ สำหรับตลาดเอเชียแปซิฟิกและตลาดโลก โดยมีโอกาสมาจากพื้นที่อ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ขณะที่สนามบินฮ่องกง มีผู้โดยสาร 6 ล้านคนในเดือน ส.ค. ลดลง 12.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ที่โลกเกิดวิกฤตการเงิน หลักๆ แล้วจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงมาจาก จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไต้หวัน