ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นปี
ตลาดการเงินโลกผันผวนในเดือน ส.ค. ต่อเนื่องมายังเดือน ก.ย. โดยตลาดหุ้นโลกเมื่อวัดจากดัชนี MSCI All Country World Index ปรับตัวลง -2.3% ในเดือน ส.ค. ตามมาด้วยการปรับขึ้นในช่วงเดือน ก.ย.ประมาณ 2.9% (วัดจากดัชนี ณ วันที่ 20 ก.ย.) หนุนโดยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ การผ่อนคลายทางด้านนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงสถานการณ์ด้านสงครามการค้าที่ลดความตึงเครียดลง หลังจากรัฐบาลจีนประกาศยกเว้นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมกับสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ สืบเนื่องจากที่สหรัฐฯ ชะลอการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมกับสินค้าจีนออกไป รวมถึงจะมีการนัดเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศในช่วงเดือน ต.ค.
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ความยืดเยื้อของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
- ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในเกือบทุกภูมิภาค
- ปัญหาด้านการเมืองภายในประเทศของสหรัฐฯ ที่เริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง
- ปัญหาด้านการเมืองภายในประเทศของอังกฤษ และประเด็นเรื่อง BREXIT
สำหรับ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่กองทุน B-FUTURE ลงทุน โดยในช่วงเดือน ส.ค. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเมื่อวัดจากดัชนี MSCI World Information Technology Index สร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนีตลาดหุ้นโลก โดยปรับตัวลง -2.16% ด้วยความเสี่ยงด้านสงครามการค้าที่กดดันอุตสาหกรรม โดยหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่บริษัทในกลุ่มของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มอุปสงค์ในตลาดที่ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจที่ถือเป็น Defensive เช่น ระบบการชำระเงิน และ Data Processor ยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า (Outperform) ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยปรับตัวขึ้น 27.4% ขณะที่ MSCI All Country World Index ให้ผลตอบแทนที่ราว 13.8%
กลยุทธ์การลงทุนและมุมมองของผู้จัดการกองทุน
ผู้จัดการกองทุนยังคงมองว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้อยู่ในช่วงชะลอตัวจากปีก่อนหน้า แต่ทว่าไม่ได้กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ (Recession) ด้วยการชะลอของเศรษฐกิจโลก ส่วนหนึ่งมาจากผลของฐานที่สูงจากปีที่ผ่านมา อีกทั้ง การผ่อนคลายด้านนโยบายจากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงช่วยสนับสนุนระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงิน โดยผู้จัดการกองทุนยังมองว่า การลงทุนในหุ้นยังเป็นที่น่าสนใจ ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นโลก ได้แก่ ความเสี่ยงด้านสงครามการค้าที่ยังคงยืดเยื้อและหาข้อสรุปไม่ได้
สำหรับกองทุน B-FUTURE ผู้จัดการกองทุน เน้นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับของการบริโภค (Consumption Upgrade) และธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้น้ำหนักกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจบริการมากกว่าธุรกิจการผลิต และเลือกลงทุนในบริษัทที่ได้รับผลกระทบกับสถานการณ์ด้านสงครามการค้าในระดับจำกัดและมีผลประกอบการที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ผู้จัดการกองทุนเชื่อมั่นว่า ความผันผวนของตลาดในระยะสั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อ Theme การลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อช่วยให้การดำรงชีวิตในอนาคตมีความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมมูลค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงพลังของการบริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริโภคในเอเชียที่โครงสร้างทางด้านประชากรเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงแนวโน้มใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นและส่งผลบวกต่อการบริโภคและการลงทุน ทั้งการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) และ ความต้องการที่จะบริโภคในสินค้าหรือบริการที่ในระดับราคาที่สูงและมีคุณค่ามากขึ้น (Premiumization)
สำหรับกองทุนต่างประเทศที่กองทุน B-FUTURE ไปลงทุน ณ ปัจจุบัน ประกอบไปด้วย 2 กองทุน ได้แก่ Fidelity Fund-China Consumer และ Allianz Global Artificial Intelligence ซึ่งข้อมูลและมุมมองจากผู้จัดการกองทุนทั้ง 2 กองทุน เป็นดังนี้
- Fidelity Fund-China Consumer (มีสัดส่วนการลงทุน 33.7%)
ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 สามารถปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเกณฑ์มาตรฐาน นำโดยการเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่ม IT และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น (Consumer Staple) ที่ผลประกอบการยังคงแข็งแกร่ง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนส่งผลได้จริงสามารถกระตุ้นการบริโภคของครัวเรือนได้ อีกทั้ง Underweight หุ้นในกลุ่มธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตของจีนยังส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของกองทุน เช่น Tencent ที่ราคาหุ้นถูกกระทบจากการคาดการณ์ว่ารายได้โฆษณาจะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เริ่มรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนมองว่า ตลาดหุ้นจีนในระยะสั้นน่าจะยังคงเผชิญความผันผวนด้วยปัจจัยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ยังคงยืดเยื้อ แต่เชื่อมั่นในทางการของจีนว่าพร้อมที่จะดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้เมื่อจำเป็น โดยผู้จัดการกองทุนยังคงชื่นชอบและเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ของจีน (New China) ซึ่งเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้จะมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพใน 3-5 ปีข้างหน้า ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี การแปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศจีน โดยเน้นบริษัทที่มีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยืดหยุ่น โดย ณ ปัจจุบัน ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค การศึกษา ธุรกิจประกัน และการสื่อสาร
- Allianz Global Artificial Intelligence (มีสัดส่วนการลงทุน 42.9%)
ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 ปรับเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี ตามตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐฯ ด้วยกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯประมาณ 88% ผู้จัดการกองทุนได้ขายหุ้นหลายบริษัทที่ราคาหุ้นได้ขึ้นมาถึงระดับเป้าหมายและมูลค่าหุ้นขึ้นมาสูงมากเกินไปเมื่อเทียบกับการเติบโตของบริษัทในอนาคตออกจากพอร์ตการลงทุน เช่น Paypal, Netflix เป็นต้น
ขณะที่การเข้าลงทุนใน ROKU ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อโทรทัศน์สำหรับการเล่นสตรีมมิ่งตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เป็นประโยชน์ต่อกองทุนเป็นอย่างมาก โดย ROKU เป็นหนึ่งในหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอันดับต้นของหุ้นที่อยู่ในพอร์ต แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในด้านภาวะเศรษฐกิจและปัญหาด้านสงครามการค้า โดยหนึ่งในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมากได้แก่ กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งผู้จัดการกองทุนได้ปรับลดสัดส่วนการลงทุนลงมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนเชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะลงมาอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลแล้ว และความมีเสถียรภาพมากขึ้นของภาวะอุปสงค์และอุปทานในตลาดจะช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งต้องติดตามและประเมินผลความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าอย่างใกล้ชิด โดยผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวกอย่างมากต่อพัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เนื่องจากเห็นการนำ AI เข้ามาปรับใช้ในธุรกิจ หรือการดำรงชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการพัฒนาของนวัตกรรมใหม่ๆ จะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนให้แก่นักลงทุน
ตัวอย่างหุ้นในพอร์ตการลงทุนของกองทุน B-FUTURE
- Roku, Inc ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อโทรทัศน์สำหรับการเล่นสตรีมมิ่ง โดยผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงช่องรายการทีวี ซีรีส์ ข่าว ภาพยนตร์ และรายการต่างๆ ผ่าน Roku Channel เช่น HBO, Netflix เป็นต้น บริษัทนี้มีรายได้ผ่าน 2 ช่องทางหลักคือ รายได้จากการขายอุปกรณ์ และรายได้จาก Platform ซึ่งนับเป็นรายได้ส่วนที่มีการเติบโตมากที่สุด ทั้งค่าโฆษณาและค่าบริการส่วนของ Video on Demand ทั้งนี้ ROKU ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยคัดสรรรายการและโฆษณาที่น่าสนใจเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล อนึ่ง ราคาหุ้นของ ROKU ในช่วงเดือน ก.ย. ปรับตัวลงจากผลกระทบจากความกังวลในเรื่องการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการที่ Comcast บริษัทคู่แข่งประกาศที่จะให้ Xfinity Flex ซึ่งเป็น Set Top Box ของ Comcast แก่ผู้ใช้แบบฟรีๆ รวมถึงนักลงทุนเริ่มขายทำกำไรหลังจากที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวตั้งแต่ช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ROKU จะยังคงรักษาการเป็นผู้นำตลาดได้ด้วยความครบครันของ Content ใน Platform รวมถึงกลยุทธ์ที่ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตโทรทัศน์ที่จะติดตั้งอุปกรณ์ของ ROKU เข้าไปไว้กับโทรทัศน์เลย ทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องซื้ออุปกรณ์แยกต่างหาก
- Lululemon Athletica Inc. บริษัทสัญชาติแคนาดา ผู้ออกแบบ ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย ภายใต้แบรนด์ Lululemon และ ivivva โดยที่ LULU ขยายการขายผลิตภัณฑ์ผ่านร้านค้าของตัวเอง วางขายในร้านค้าของธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์ เช่น ฟิตเนส สถานที่เล่นโยคะ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ผู้จัดการกองทุนชื่นชอบ LULU ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ และมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและการตลาดที่ชัดเจน มีการพัฒนานวัตกรรมในสินค้าสม่ำเสมอ โดยตั้งแต่ต้นปี 2019 ราคาหุ้นของ LULU ให้ผลตอบแทน 50%
- ZTO Express บริษัทขนส่งพัสดุรายใหญ่ของจีนมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุด (19.9% ในไตรมาสสองปี 2019) ตลาดซื้อขายออนไลน์ของจีนสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่องด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่มุ่งเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น แม้ว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมจะอยู่ในระดับสูงจนกระทั่งกดดันให้ราคาค่าขนส่งที่คิดกับลูกค้าต้องลดลง ทว่า ZTO มีความได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นในด้านของการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) และการที่มีศูนย์กระจายสินค้าเยอะที่สุดทำให้ได้เปรียบในเรื่องการจัดส่ง โดยตั้งแต่ต้นปี 2019 ราคาหุ้นของ ZTO ให้ผลตอบแทน 33%
ผลการดำเนินงานของกองทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ส.ค. 2019)
ประวัติการจ่ายเงินปันผล