ตลาดตราสารหนี้ เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา
· อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัว ช่วงอายุคงเหลือ 2 ปีเพิ่มขึ้น 4 bps สู่ระดับ 1.49% และช่วงอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับเพิ่มเพียง 2 bps สู่ระดับ 2.56%
· ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นตลอดทุกช่วงอายุ โดยช่วงอายุคงเหลือ 2 ปี ปรับเพิ่มถึง 16 bps สู่ระดับ 1.89% และช่วงอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับเพิ่มถึง 16 bps เช่นกัน สู่ระดับ 2.48% ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ yield ปรับเพิ่มขึ้นมากภายในเดือนเดียวมาจากการที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมวันที่ 12-13 ธันวาคม จาก 1.00-1.25% เป็น 1.25-1.50% และการผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์
ประเด็นที่ต้องติดตาม
ยังคงต้องติดตามว่าร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้มากเท่าที่รัฐบาลคาดหวังไว้หรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ Fed บางท่านมองว่า แผนการปฏิรูปภาษีจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ไม่ได้เสริมแรงผลักดันให้กับเศรษฐกิจอย่างถาวรอย่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว และจะไม่ทำให้เกิดความผันผวนในทันทีที่จะทำให้ Fed ต้องเข้าดำเนินการ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ Fed คาดว่า จะไม่มีความเสี่ยงรุนแรงที่แผนการลดภาษีจะกระตุ้นเงินเฟ้อ หรือการพุ่งขึ้นของราคาสินทรัพย์ที่จะกระตุ้นให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่วางแผนไว้แล้ว ซึ่งจากคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุดของ Fed บ่งชี้ว่า จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยในขณะนี้ตลาดได้ปรับตัวรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งแล้ว
มุมมองปี 2018 จากกองทุนบัวหลวง
เรามองว่าปี 2018 ปัจจัยการฟื้นตัวทางด้านเศษฐกิจ นโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นของกลุ่มประเทศหลัก และอัตราเงินเฟ้อที่ค่อยเพิ่มขึ้น จะหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้น โดยมองว่าโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้คงไม่เกิน 3 ครั้ง
ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ยังจำเป็นต้องอยู่ในระดับผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง โดยจะทรงตัวที่ 1.50% เนื่องจากทาง ธปท. ต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และมีเสถียรภาพต่อเนื่องไปในปีนี้ แม้ Fed รวมทั้งประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มจะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพื่อเข้าสู่ระดับปกติ (normalization)
Fund Comment
Fund Comment: มุมมองตลาดตราสารหนี้
ตลาดตราสารหนี้ เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา
· อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัว ช่วงอายุคงเหลือ 2 ปีเพิ่มขึ้น 4 bps สู่ระดับ 1.49% และช่วงอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับเพิ่มเพียง 2 bps สู่ระดับ 2.56%
· ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นตลอดทุกช่วงอายุ โดยช่วงอายุคงเหลือ 2 ปี ปรับเพิ่มถึง 16 bps สู่ระดับ 1.89% และช่วงอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับเพิ่มถึง 16 bps เช่นกัน สู่ระดับ 2.48% ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ yield ปรับเพิ่มขึ้นมากภายในเดือนเดียวมาจากการที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมวันที่ 12-13 ธันวาคม จาก 1.00-1.25% เป็น 1.25-1.50% และการผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์
ประเด็นที่ต้องติดตาม
ยังคงต้องติดตามว่าร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้มากเท่าที่รัฐบาลคาดหวังไว้หรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ Fed บางท่านมองว่า แผนการปฏิรูปภาษีจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ไม่ได้เสริมแรงผลักดันให้กับเศรษฐกิจอย่างถาวรอย่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว และจะไม่ทำให้เกิดความผันผวนในทันทีที่จะทำให้ Fed ต้องเข้าดำเนินการ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ Fed คาดว่า จะไม่มีความเสี่ยงรุนแรงที่แผนการลดภาษีจะกระตุ้นเงินเฟ้อ หรือการพุ่งขึ้นของราคาสินทรัพย์ที่จะกระตุ้นให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่วางแผนไว้แล้ว ซึ่งจากคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุดของ Fed บ่งชี้ว่า จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยในขณะนี้ตลาดได้ปรับตัวรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งแล้ว
มุมมองปี 2018 จากกองทุนบัวหลวง
เรามองว่าปี 2018 ปัจจัยการฟื้นตัวทางด้านเศษฐกิจ นโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นของกลุ่มประเทศหลัก และอัตราเงินเฟ้อที่ค่อยเพิ่มขึ้น จะหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้น โดยมองว่าโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้คงไม่เกิน 3 ครั้ง
ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ยังจำเป็นต้องอยู่ในระดับผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง โดยจะทรงตัวที่ 1.50% เนื่องจากทาง ธปท. ต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และมีเสถียรภาพต่อเนื่องไปในปีนี้ แม้ Fed รวมทั้งประเทศเศรษฐกิจหลักมีแนวโน้มจะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพื่อเข้าสู่ระดับปกติ (normalization)