ซีเอ็นบีซี รายงานว่า บริษัท TD Ameritrade Holding Corporation เปิดเผยผลศึกษาประจำปี 2019 ซึ่งสำรวจวัยรุ่นอายุ 23 ปีขึ้นไปชาวอเมริกัน 1,015 คน ที่มีสินทรัพย์อย่างน้อย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ พบว่า กลุ่มคนมิลเลนเนียล (อายุ 23-38 ปี) ส่วนใหญ่ หรือ 66% ไม่ให้ความสนใจกับการออมเพื่อวัยเกษียณ
เมื่อถูกถามว่าทำไมพวกเขาไม่ใส่ใจ คำตอบแรกที่ได้ เพราะมีต้นทุนที่อยู่อาศัย 37% ส่วนหนึ่งมาจากแนวโน้มค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องนำรายได้ที่มีอยู่ไปใช้จ่ายจำนวนมากกับที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีครอบครัวแล้ว โดยข้อมูลของนิตยสารบริจาคเงินเพื่อการศึกษาและผู้ปกครอง พบว่า 1 ใน 5 ของกลุ่มมิลเลเนียลที่มีครอบครัว ใช้จ่าย 50-59% ของรายได้กับที่อยู่อาศัย และ 8% ของกลุ่มนี้ระบุว่าจ่ายไป 60-74%
เหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่ได้สนใจถึงการออมเงินวัยเกษียณ หลักๆ มาจาก ไม่มีเงินมากเพียงพอจะเหลือเก็บ อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญทางการเงินมักจะแนะนำว่า ให้แบ่งเงินครึ่งหนึ่งไว้ใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็น เช่น ที่อยู่อาศัย การเดินทาง อาหาร ประกัน และประกันสุขภาพเด็ก ขณะที่ 30% ของรายได้ ไปใช้จ่ายเพื่อความสนุกสนานได้ แต่อีก 20% ควรจะเก็บออมเพื่ออนาคตของตัวเอง
ทั้งนี้ จากปัญหาต้นทุนที่อยู่อาศัยที่สูง ทำให้ 33% ของกลุ่มมิลเลนเนียล ระบุว่า การได้รับสนับสนุนทางการเงินจากสมาชิกในครอบครัวจะช่วยเป็นเกราะป้องกันให้พวกเขามีเงินเพียงพอจะออมรับวัยเกษียณได้ ขณะที่ 26% ระบุว่า การมีรายได้ไม่เพียงพอคือต้นเหตุที่ทำให้พวกเขาตกหล่นเรื่องการออมไป นอกจากนี้ 21% ของมิลเลนเนียล ยังชี้ว่า หนี้การศึกษาเป็นตัวฉุดรั้งที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถออมเพื่ออนาคตได้ เหล่านี้เป็นคำตอบที่มักจะได้รับจากคนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ดี ในรายงานฉบับนี้ นำเสนอกลยุทธ์ 3 ข้อ เพื่อให้กลุ่มมิลเลนเนียลประหยัดค่าที่อยู่อาศัยเพื่อมีเงินออมได้มากขึ้น ได้แก่ ให้ใช้วิธีการหาเพื่อนร่วมห้อง เพื่อแบ่งกันจ่ายค่าที่อยู่อาศัย ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนที่อยู่อาศัยได้หลายพันดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ต้องเข้มงวดกับตัวเองใช้จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพราะจากข้อมูลพบว่า กลุ่มมิลเลนเนียลที่ออมได้มากกว่า 60% ของรายได้ จะใช้จ่ายไปกับสิ่งจำเป็นหลักๆ แคที่อยู่อาศัย การเดินทาง และอาหาร และกลยุทธ์สุดท้ายคือ ให้ย้ายไปอยู่ในเมืองอื่น ที่มีค่าครองชีพถูกกว่า การอาศัยอยู่ใจกลางเมืองใหญ่