กองทุนเปิดบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR)

กองทุนเปิดบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR)

กลยุทธ์การลงทุน

ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ต้นปี 2019 ปรับตัวขึ้นได้เป็นอย่างดีที่ 4.28% แต่มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานเล็กน้อยที่ 4.12% ตราสารทุนสามารถยังคงสร้างผลตอบแทนได้ดีแม้ว่าจะเผชิญกับสภาวะตลาดผันผวน โดยอุตสาหกรรมที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนสูง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มขนส่ง กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มพาณิชย์สามารถปรับตัวขึ้นดี อีกทั้ง กองทุนมีการลงทุนใน PF/REITs/IFF และทองคำอยู่ส่วนหนึ่ง ทำให้ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของดัชนีกลุ่มนี้และราคาทองคำโลกเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนประมาณครึ่งนึงมาจากสัดส่วนของตราสารหนี้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผูจัดการกองทุนได้มีการขายทำกำไรในหุ้นกู้ภาคเอกชนบางส่วน โดยตราสารหนี้เป็นส่วนที่ช่วยบริหารความเสี่ยงทางขาลงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวน

ในด้านของตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ศักยภาพในการเติบโต (Growth Stock) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีระดับความเสี่ยงมากกว่าดัชนีประเทศ โดยในช่วงเดือน ต.ค. ผู้จัดการกองทุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนในหุ้น โดยมีการลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตออกไปบ้างโดยขายหุ้นบางบริษัทที่คาดว่าถึงระดับเต็มมูลค่าแล้วออกมาบางส่วน เช่น กลุ่มพลังงาน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง โดยมุ่งเน้นไปยังหุ้นที่อิงกับนโยบายภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดทอนผลกระทบจากความผันผวนภายนอกประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มธนาคาร กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น อีกทั้ง ผู้จัดการกองทุนยังได้ปันเงินลงทุนบางส่วนเข้าลงทุนใน กลุ่มสินทรัพย์ PF/REITs/IFF เพื่อแสวงหาผลตอบแทนในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง

สำหรับตราสารหนี้ยังคงเป็นสินทรัพย์หลักที่มีคุณค่าสำหรับพอร์ตการลงทุนด้วยสัดส่วนการลงทุนประมาณ 77% ของพอร์ตการลงทุน โดยผู้จัดการกองทุนยังคงมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้นถึงกลางให้สูงกว่าดัชนีชี้วัดโดยเน้นการลงทุนทั้งในตราสารภาครัฐและเอกชนที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้องและเหมาะสมกับความเสี่ยง ด้วยอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่ประมาณ 1.6 ปี ทั้งนี้ สำหรับในส่วนของหุ้นกู้ภาคเอกชน ผู้จัดการกองทุนยังคงเลือกที่ผู้ออกมีฐานะทางการเงินมั่นคงที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป รวมถึงได้ Credit spread ที่น่าจูงใจเหมาะสมกับระดับความเสี่ยง โดยเน้นการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี ณ ปัจจุบัน อันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยของตราสารที่กองทุนลงทุนอยู่ที่ระดับ AA+

มุมมองต่อการลงทุนของทีมผู้จัดการกองทุน

ผู้จัดการกองทุนยังคงมีมุมมองที่ค่อนข้างระมัดระวังต่อการลงทุน ด้วยเชื่อว่า เป็นช่วงที่ราคาหุ้นสามารถขึ้นได้อย่างจำกัด แม้ว่าตลาดจะมีปัจจัยหนุนจากสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง แต่ทว่าประเด็นเรื่องสงครามการค้า และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มอ่อนแรงลงจะส่งแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนเชื่อว่าโอกาสในการลงทุนยังคงมีอยู่ แต่ต้องอาศัยความพิถีพิถันในการคัดเลือกบริษัทและการหาจังหวะเข้าลงทุน โดยเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศในระดับที่จำกัด รวมถึงยังคงมองว่าการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือกองทรัสต์มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดผันผวน แม้ว่าระดับราคาจะปรับขึ้นมาพอสมควร แต่ความน่าสนใจในการลงทุนยังคงมีอยู่จาก Yield Spread เหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 3% และความผันผวนที่ต่ำกว่าหุ้น โดยจะเลือกลงทุนในกองทุนที่มีรายรับสม่ำเสมอ เช่น สำนักงาน โครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรมที่นอกจากรายรับที่สม่ำเสมอแล้วยังอาจได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาจากประเทศจีนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านสงครามการค้า

สำหรับตลาดตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนมองว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอาจไม่เปลี่ยนไปจากระดับปัจจุบันมากนัก ด้วยแรงกดดันทั้งด้านขาขึ้นและขาลงยังคงไม่ชัดเจน โดยยังคงต้องติดตามทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นด้านความขัดแย้งทางการค้าที่แม้ว่าจะมีข่าวออกมาในเชิงบวก แต่ยังคงไม่เห็นบทสรุปอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดกลับมาอยู่ในสภาวะหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง (Risk off) อีกครั้งได้ โดยผู้จัดการกองทุนจะใช้โอกาสที่อัตราผลตอบแทนที่อาจปรับตัวขึ้นเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน โดยที่ยังคง Duration ของพอร์ตไว้ที่ช่วง 1-3 ปี

ผลการดำเนินงานของกองทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2019)

ติดตามรายละเอียด BF Product Update : B-SENIOR ฉบับเต็มได้ที่ https://www.bblam.co.th/products/mutual-funds/mixed-fund/b-senior/update#content