อินโดนีเซียขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษี ครอบคลุมหลายภาคธุรกิจมากขึ้น หวังกระตุ้นการลงทุนในประเทศ

อินโดนีเซียขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษี ครอบคลุมหลายภาคธุรกิจมากขึ้น หวังกระตุ้นการลงทุนในประเทศ

รัฐบาลอินโดนีเซียจะขยายโครงการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อให้ครอบคลุมภาคธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดึงดูดการลงทุน

กฎระเบียบของรัฐฉบับที่ 78/2019 ซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 ธ.ค. นี้ น่าจะกระตุ้นให้ภาคธุรกิจที่มีสิทธิ์สมัครโครงการลดหย่อนภาษีเพิ่มมากขึ้นจาก 145 แห่ง เป็น 183 แห่ง ครอบคลุม 17 กลุ่มธุรกิจในหลายพื้นที่ของประเทศ

อุตสาหกรรมการเกษตรเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการขยายโครงการ โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้รับการคัดเลือก เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปลา และยาแผนโบราณก็ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย

สิ่งจูงใจจะถูกจัดเตรียมไว้ สำหรับผู้ผลิตที่ต้องการขยาย หรือสร้างธุรกิจที่ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก เช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างธุรกิจให้มีมูลค่าการลงทุนสูงขึ้น โดยยกระดับทรัพยกรในท้องถิ่น และการสร้างงานเป็นสำคัญ

สำหรับกฎระเบียบใหม่ จะขยายภาคที่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ขณะที่แรงจูงใจยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยสิ่งจูงใจรวมถึงการลดภาษี 5% สำหรับสินทรัพย์ถาวร (Fixed Assets) เป็นเวลา 6 ปี

ขณะที่ อัตราภาษีเงินได้สำหรับผู้เสียภาษีต่างประเทศที่ไม่มีสถานประกอบการถาวร (BUT) ในประเทศอินโดนีเซียจะถูกกำหนดไว้ที่ 10% ตามข้อตกลงที่มีอยู่ เพื่อการป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อน