สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัทในเกาหลีใต้กำลังนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาใช้หาคนทำงานมากขึ้น เช่น เอสเค อินโนเวชั่น และฮุนได เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เป็นบริษัทที่คนต้องการทำงานมาก ทำให้ธุรกิจกวดวิชาเพื่อสัมภาษณ์งานในเกาหลีใต้เติบโต สร้างรายได้กว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Park Seong-jung เจ้าของบริษัท พีเพิล แอนด์ พีเพิล คอนซัลแทน ที่ปรึกษาการหางาน กล่าวว่า มีการใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยฝึกอบรม เพื่อให้คำแนะนำผู้สมัครงานที่ต้องรับมือกับเอไอ เช่น การสัมภาษณ์ผ่านทางวิดีโอ โดยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อวิเคราะห์บุคลิกของผู้สมัคร และเขาให้คำแนะนำกับนักศึกษาที่มาติวเข้มว่า เวลาสัมภาษณ์กับเอไอ อย่าพยายามฝืนยิ้มด้วยปากของคุณ แต่จงยิ้มออกมาจากนัยน์ตาของคุณ
สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ ให้ข้อมูลว่า นักศึกษาเกาหลีใต้ทุกๆ 8 ใน 10 คน คาดการณ์ว่าจะใช้โรงเรียนกวดวิชาเหล่านี้ ท่ามกลางสถานการณ์ในประเทศที่คนรุ่นใหม่เผชิญการว่างงานมากขึ้น โดย 1 ใน 4 ของคนรุ่นใหม่ไม่สามารถเข้าสู่การทำงานได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งการที่โรงเรียนกวดวิชาเพื่อหางานได้รับความนิยมนั้นเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่พบในประเทศอื่น
Yoo Wan-jae ผู้ที่กำลังมองหางานในอุตสาหกรรมบริการ กล่าวว่า เอไอไม่ได้ถามคำถามกับบุคคลอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงต้องสมัครโรงเรียนกวดวิชาเพื่อรับมือกับการสัมภาษณ์ของเอไอ
ทั้งนี้ ธุรกิจทั่วโลก เริ่มสนใจใช้เอไอขั้นสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อคัดเลือกผู้สมัครงาน โดย Lee Soo-young ผู้อำนวยการ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงเกาหลีใต้เกี่ยวกับเอไอ (KAIST) กล่าวกับรอยเตอร์สว่า ผู้จ้างงานรายใหญ่นำเอไอมาใช้แพร่หลาย ในตลาดงานเวลานี้ โดยเกือบ 1 ใน 4 ของบริษัทระดับต้นๆ 131 แห่งในเกาหลีใต้ กำลังใช้หรือวางแผนใช้เอไอหาคนทำงาน เช่น ใช้ระบบวิดีโอเอไอสัมภาษณ์ โดยให้ผู้สมัครแนะนำตัวเอง ระหว่างนั้นเอไอก็เก็บรายละเอียด ตรวจจับการแสดงออกทางสีหน้า ทั้งความกลัวและความสุข วิเคราะห์คำพูดที่ผู้สมัครใช้ รวมทั้งถามคำถามยากๆ เช่น ถ้าต้องเดินทางธุรกิจกับหัวหน้าของคุณและเห็นหัวหน้าใช้บัตรเครดิตของบริษัทซื้อของขวัญให้ตัวเอง คุณจะพูดว่าอะไร เป็นต้น ซึ่งการใช้เอไอถามลักษณะนี้ก็เพื่อวิเคราะห์บุคลิกภาพ และความสามารถในการปรับตัว ผ่านบททดสอบต่างๆ