นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ในอัตราหน่วยละ 0.23765 บาท สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563
ทั้งนี้ บริษัทจัดการกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน ในวันที่ 1 กันยายน 2563 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหน่วยลงทุนในการรับเงินปันผล โดยมีกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 16 กันยายน 2563 ที่จะถึงนี้
เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด จะส่งผลให้ SUPEREIF มีการจ่ายเงินปันผลรวม 3 ครั้ง คิดเป็นเงิน 0.73318 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินคืนทุนไป 1 ครั้ง ในอัตรา 0.040 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 0.77318 บาทต่อหน่วย
นายพรชลิต กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกองทุน SUPEREIF ในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 (1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563) มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 173.0 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรก มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 351.2 ล้านบาท
สำหรับ กองทุนรวม SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์
ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
กองทุนบัวหลวง
18 สิงหาคม 2563